Legally Married LGBTQIA+ Couples :
การครองรักหลังจดทะเบียนสมรส 

ชีวิตแต่งงานจะมั่นคงและยืนยาว
ขึ้นอยู่กับการแสดงความรัก
ความเข้าใจและการให้เกียรติกัน

อีกไม่กี่วันก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว วันที่คนไทยทุกคนจะสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้มีคู่รัก LGBTQIA+ ขอแต่งงานกันหลายคู่แล้ว เพื่อจะจดทะเบียนสมรสกัน ภายหลังจากวันที่ 22 มกราคม 2025 นี้ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมถูกบังคับใช้ วันนั้นจะเป็นวันที่ประตูแห่งความเท่าเทียมถูกเปิดออกและคู่รักทุกคู่จะได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงค่ะ

ภายหลังจากจดทะเบียนสมรสกันได้พวกเขาสามารถเริ่มต้นชีวิตคู่ ภายใต้สิทธิทางกฎหมายที่หลายคนรอมาอย่างยาวนาน และเราเชื่อว่าคนที่ร่วมต่อสู้เพื่อให้ได้กฎหมาย สมรสเท่าเทียมมาบังคับใช้ในประเทศไทย จะต้องรู้สึกภูมิใจและดีใจที่สิ่งที่พวกเขาร่วมต่อสู้กันมาประสบความสำเร็จในวันนี้ 

เราเชื่อว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมจะทำให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศทุกคนรู้สึกได้อยู่ในสังคมที่มีความเท่าเทียมอย่างแท้จริง การจดทะเบียนสมรส คือการที่คู่รักทุกคู่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันและได้รับสิทธิต่างๆ ที่พวกเขาพึ่งจะได้รับอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คู่รักหลายคู่รู้สึกมั่นคงในความสัมพันธ์มากขึ้น และเราเชื่อว่าจะทำให้คู่รักหลายคู่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขไปตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต 

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาค้นหาคำตอบว่าการจดทะเบียนสมรสทำให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศมีชีวิตที่มั่นคงและยืนยาวจริงไหม? และการจดทะเบียนสมรสช่วยทำให้คนในสังคมเข้าใจคนที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น รวมถึงวิธีกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักที่จะทำให้รักมั่นคงและยืนยาวกันค่ะ

Legally Married LGBTQIA+ Couples

คู่รัก LGBTQIA+ “จดทะเบียนสมรส” ส่งผลทำให้มีความสัมพันธ์ที่ยืนยาวมากขึ้น

การที่คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศถูกยอมรับจากคนในสังคม ด้วยกฎหมายสมรสเท่าเทียมทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์มั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น จากงานวิจัยที่มีชื่อว่า ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศสหรัฐอเมริกาของคุณ Michael J. Rosenfeld ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Marriage and Family 2014 ระบุว่า คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศที่ได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย มีเพียง 2.6% ที่เลิกราและหย่าร้างกัน เมื่อเทียบกับคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส พบว่ามีการเลิกรากันสูงถึง 12.8% ข้อมูลข้างต้นจึงสะท้อนให้เห็นว่าการที่คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศถูกยอมรับและได้จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายทำให้พวกเขามีชีวิตคู่ที่ยืนยาวและมั่นคงมากกว่าคู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งอาจจะมาจากหลายเหตุผลดังต่อไปนี้

การยอมรับจากครอบครัวและสังคม เพราะการที่พวกเขาจะได้จดทะเบียนสมรสกันอาจจะต้องได้รับการยอมรับจากครอบครัว การที่ถูกยอมรับในความสัมพันธ์ทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาว

ความผูกพันที่มีให้ซึ่งกันและกัน การจดทะเบียนสมรสคือการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังแท้จริงจะทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกันมากขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน เพราะการแต่งงานจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว (แล้วแต่บางคู่) ต้องร่วมฝ่าฟันเผชิญปัญหาอุปสรรคและมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันนั่นเองค่ะ

การซื้อทรัพย์สินส่วนตัวร่วมกัน เช่น การซื้อบ้านร่วมกัน จะทำให้เราคิดเยอะมากกว่าคู่รักที่ไม่มีทรัพย์สินร่วมกัน การมีทรัพย์สินร่วมกันอาจจะทำให้การหย่าร้างยากยิ่งขึ้นไปด้วย (ขึ้นอยู่กับบุคคล)

ลดความเครียดและความวิตกกังวลในความสัมพันธ์ การที่คู่รักจดทะเบียนสมรสกันจะทำให้รู้สึกมั่นคงในความสัมพันธ์มากขึ้น เนื่องจากการจดทะเบียนสมรสถือว่าได้ถูกยอมรับจากสังคมหรือครอบครัวแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิตเพราะสามารถช่วยลดความเครียดและความกดดันที่อาจจะเกิดขึ้นกับคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศได้  รวมถึงสามารถลดความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เพราะพวกเขาจะมีสิทธิในการตัดสินใจต่างๆ ในเรื่องของกันและกันได้ เช่น หากคู่รักของเขาไม่สบายจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน คู่รักที่จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะสามารถเซ็นอนุญาตผ่าตัดได้โดยที่ไม่ต้องรอคนในครอบครัว หรือการจดทะเบียนสมรสทำให้อีกฝ่ายมีสิทธิในการจัดการมรดกหรือจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส ในกรณีที่อีกฝ่ายเสียชีวิต ฯลฯ นั่นเองค่ะ

เหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นคือเหตุผลบางส่วนที่ทำให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศมีชีวิตแต่งงานที่มั่นคงและยืนยาวมากขึ้น 

การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ลดอคติของคนในสังคม

การบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะทำให้คนในสังคมไม่เลือกปฏิบัติและยอมรับมากขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าบรรทัดฐานของสังคมเริ่มเปลี่ยนไป คนที่ไม่ยอมรับอาจจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงความคิด แล้วปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ยอมรับได้ในที่สุด เพราะส่วนหนึ่งเห็นว่าคนในสังคมที่เราอยู่ยอมรับแล้ว รวมถึงหันมาพูดถึงผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในแง่บวกมากขึ้น เมื่อคนในสังคมที่ไม่เข้าใจพยายามที่จะเรียนรู้และเข้าใจคนที่มีความหลากหลายทางเพศ พวกเขาก็จะถูกยอมรับได้อย่างแท้จริง ไม่ถูกตีตราและไม่ถูกเลือกปฏิบัติอีกต่อไป

วิธีกระชับความสัมพันธ์ของคู่รัก 

การพูดคุยกันอย่างจริงใจ การพูดคุยกันอย่างจริงใจจะทำให้คู่รักเข้าใจในกันและกันมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ความรักมั่นคงและยืนยาว

ความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ ความซื่อสัตย์ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญในความสัมพันธ์ที่มั่นคงไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร หากมีความซื่อสัตย์และมั่นคงเราเชื่อว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาวแน่นอน

การอยู่เคียงข้างในวันที่ยากลำบาก ในชีวิตของเราต้องเจออุปสรรคเข้ามาเป็นบทเรียนให้เราแก้ปัญหาอย่างแน่นอน และการที่มีคนอยู่เคียงข้าง คอยรับฟังและช่วยแก้ปัญหาจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ทำให้รู้สึกว่าไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรจะผ่านมันไปได้แน่นอน จะทำให้ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกอยากจะอยู่เคียงข้างกับคนคนนั้นตลอดไปนั่นเองค่ะ 

การดูแลการในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลกันทางจิตใจหรือร่างกาย เป็นการกระชับความสัมพันธ์ จะทำให้รู้สึกมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น 

การเติมเต็มความรักให้กันและกัน หมั่นให้ความรักและเติมความหวาน ไม่ว่าจะเป็นการบอกรัก การเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังรักกันอยู่

การแต่งงานของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยได้ยอมรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศแล้ว และการจดทะเบียนสมรสไม่ได้เป็นเพียงแค่กระดาษที่บอกถึงสถานะของกันและกัน แต่หมายถึงสิทธิที่จะได้รับอย่างเท่าเทียมในการใช้ชีวิตร่วมกัน ถือเป็นก้าวใหม่ของประเทศไทยที่ทำให้เห็นว่าสังคมสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงแค่ทุกคนยอมรับและเข้าใจความหลากหลายของคน


Source

https://web.stanford.edu/~mrosenfe/Rosenfeld_Couple_Longevity_Forthcoming_JMF.pdf

https://milnepublishing.geneseo.edu/introlgbtqstudies/chapter/lgbtq-relationships-and-families/ 

https://milnepublishing.geneseo.edu/introlgbtqstudies/chapter/lgbtq-relationships-and-families/ 

https://lovefoundation.or.th/lgbtq-right 

Related Articles

Harmony Hour Music Playlist

Music Therapy : พลังแห่งดนตรีที่ช่วยเยียวยาร่างกายและหัวใจ

“เสียงดนตรี” เป็นเสียงที่ทรงพลังช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ให้กลับมาแข็งแรง สดใสและมีความสุขกับการใช้ชีวิต ทุกคนเชื่อไหมคะว่าเสียงดนตรีมีพลังกว่าที่ทุกคนคิด หากถามว่าเสียงดนตรีมีพลังยังไงนะหรอ ต้องบอกว่ามนุษย์เชื่อว่า เสียงดนตรีช่วยฟื้นฟู เยียวยาจิตใจของเราได้ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เพราะคนในสมัยก่อนเชื่อกันว่าดนตรีสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้และยังเชื่ออีกว่าดนตรีจะสามารถปรับสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจของเราได้อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และทางจิตวิทยาที่บอกว่าการใช้ดนตรีบำบัดสามารถช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจมนุษย์ได้อย่างแท้จริง หลายคนเคยสงสัยไหมคะว่าทำไม เวลาเราได้ฟังดนตรีสบายๆ เราจะรู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกว่าความเครียดลดลงอย่างน่าประหลาด เหมือนมีกุญแจมาช่วยปลดล็อกความว้าวุ่นภายในใจให้เบาบางลง เสียงดนตรีธรรมดาที่ไม่มีคนร้อง แต่กลับกล่อมเกลาจิตใจ ให้สงบลง หรือปลุกพลังให้เรามีเอนเนอจีในตอนเช้า

Because truth is timeless

Because truth is timeless: เพราะการพูดความจริงแสดงถึงความจริงใจและรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคง

การพูดความจริงเป็นการแสดงถึงความซื่อสัตย์ จริงใจ และเป็นการโอบอุ้มความสัมพันธ์ให้มั่นคง ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” และคงไม่มีอะไรทำลายความจริงได้ใช่ไหมล่ะคะ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ต่อให้จะมีใครพยายามบิดเบือนความจริง แต่ความจริงก็ยังคงอยู่ และรอวันที่จะเปิดเผยออกมา  เราเปรียบความจริงกับท้องฟ้าที่ต้องผ่านพายุฝน ท้องฟ้าอาจจะมืดมน ไม่สดใส และมีเมฆมาปกคลุม แต่เมื่อพายุผ่านไปฝนหยุดตก ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสดั้งเดิม และบางครั้งอาจจะมีสายรุ้งที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นถึงความสวยงามด้วย ต่อให้ท้องฟ้าจะมืดมนขนาดไหนก็กลับมาสดใส เหมือนกับที่ไม่มีอะไรมาทำลายความจริงได้  หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าการพูดความจริงเป็นรากฐานที่จะทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงและยิ่งยืนนาน

half-year-resolution

Half-year resolution : บทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรก

เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าเราพยายามทำต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้  เราจะเดินถึงเป้าหมายได้ในที่สุด เผลอแป๊ปเดียวพวกเราทุกคนเดินทางผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนต้นปีมีใครตั้งเป้าหมายอะไรไว้กันบ้างคะ? บางคนอาจเดินถึงเป้าหมาย บางคนกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ แต่เราเชื่อว่า บางคนรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไปในช่วงต้นปีอาจไม่ได้สำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้อาจเลือนรางเต็มที แต่ไม่เป็นไรเลย เพราะชีวิตคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  ทุกคนรู้ไหมคะการตั้งเป้าหมายใหม่อาจไม่ได้หมายความว่าต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป แต่เราอาจจะนำสิ่งที่เราทำและอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มาทบทวน พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าหากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราจะเดินถึงเป้าหมายในที่สุดค่ะ คนเราทุกคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้