Limiting Beliefs
กล้าที่จะก้าวผ่านความกลัว

หากเราก้าวผ่านความกลัวด้วยความกล้า
เราจะพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง
และสามารถเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้

ทุกคนเคยมีความรู้สึกกลัวไหมคะ? “กลัวว่าตัวเองไม่เก่ง” หรือคิดว่า “ฉันทำมันไม่ได้หรอก” “ฉันก้าวผ่านเรื่องนี้ไม่ได้หรอก” “ ฉันไม่ดีพอ” “ ฉันเปลี่ยนนิสัยไม่ได้” หรือว่าคิดว่า “ตัวเองไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะทำเรื่องนี้” ความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่จำกัดศักยภาพของตัวเอง ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีต่อตัวเองในแง่ลบ ที่เรียกว่า “Limiting beliefs”

ความเชื่อเหล่านี้จะกำหนดพฤติกรรมของเรา ซึ่งอาจส่งผลให้เราไม่สามารถพัฒนาตัวเอง ให้กลายเป็นคนที่เก่งและดีขึ้นได้ อาจจะกลายเป็นอุปสรรคของการที่คนเราจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราอยากจะเป็น เราอาจจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดที่มีต่อตัวเอง เพื่อจะทำให้เรามีความกล้า ความมั่นใจ ในการทำสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้นค่ะ

เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองและเอาชนะความกลัวที่อยู่ภายใต้จิตใจของเรา ให้เราเป็นคนกล้าและเป็นคนเก่งมากยิ่งขึ้น หากเราทำได้เราเชื่อว่า เราจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเช่นกันค่ะ

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมารู้จักกับ “Limiting beliefs” ความเชื่อที่ปิดกั้นตัวเอง ทำให้เรารู้สึกกลัว และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความเชื่อที่ปิดกั้นตัวเอง และเราจะมาบอกวิธีการก้าวผ่านความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรากันค่ะ

ความเชื่อที่ปิดกั้นตัวเอง เกิดจากอะไร?

ความเชื่อที่ปิดกั้นตัวเอง “Limiting beliefs” เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้ ประสบการณ์ชีวิต ที่ไม่ดีที่เราอาจจะเจอมาในอดีต ความล้มเหลว ความผิดหวัง หรือการที่ถูกตัดสินจากคนรอบข้างทำให้เราเกิดความกลัวและไม่กล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ และอาจทำให้เราเชื่อว่า เราไม่มีความสามารถหรือเราไม่ดีพอ เช่น การโดนปฏิเสธการรับเข้าทำงานในหลายๆ ที่ อาจจะทำให้คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ทำให้ไม่กล้าสมัครงานเกิดความกลัวและหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้น ซึ่งอาจจะส่งผลในระยะยาวต่อการดำเนินชีวิต หรือหากเคยเรียนว่ายน้ำ แล้วจมน้ำ เราอาจจะไม่กล้าทำมันอีกเพราะมันเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี ฯลฯ

การเลี้ยงดูของครอบครัว การเลี้ยงดูในครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดความเชื่อ ซึ่งความเชื่อของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ฯลฯ ที่ได้บอกกล่าวให้ฟัง อาจจะส่งผลให้ลูกหลานเกิดความกลัว เช่น พ่อแม่อาจจะกลัวความล้มเหลวในชีวิต และอาจจะกดดันลูก เพราะกลัวลูกล้มเหลว ส่งผลให้ลูกไม่กล้าที่จะลองทำสิ่งต่างๆ เพราะกลัวจะเกิดความผิดพลาดและล้มเหลวในชีวิตเช่นกัน ซึ่งการเลี้ยงดูของคนในครอบครัวมีผลอย่างมากต่อความเชื่อและความคิดของเรา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบนั้นนะคะ

การเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง หรือไม่ดีพอเท่าคนอื่น คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงทุกคนก็มีความสามารถของตัวเองและถ้าหากเราพยายาม เราก็จะสามารถเป็นคนที่เก่งขึ้นได้ เพราะเราเชื่อเสมอว่าทุกคนมีความสามารถและเก่งในแบบของตัวเอง

การล้มเหลวซ้ำๆ การที่เราทำอะไรแล้วไม่ประสบความสำเร็จในหลายๆ ครั้ง อาจจะทำให้เรารู้สึกเครียด กดดันและคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ และหยุดพยายามทำสิ่งนั้น แต่ทุกคนเชื่อไหมว่า ต่อให้เราล้มเหลวอีกสักกี่ครั้ง ถ้าเราไม่หยุดพยายาม เราก็จะสามารถทำมันได้ในสักวัน 

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราปิดกั้นตัวเองแล้วคิดว่าเราทำไม่ได้ หรือไม่กล้าพอที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะกลัวข้อผิดพลาดล้มเหลว จนทำให้สิ่งเหล่านี้มาปิดกั้นความสามารถของคุณ เราเชื่อว่าหากคนเราค่อยๆ เปลี่ยนความคิด จะทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ในที่สุด แม้มันอาจจะยากในตอนแรก แต่เราเชื่อว่า ทุกคนสามารถก้าวผ่านความกลัวที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างแน่นอนค่ะ

วิธีการก้าวผ่านความกลัวเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้น

ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง

คิดว่าฉันต้องก้าวผ่านความกลัวไปให้ได้ เริ่มจากก้าวเล็กๆ ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องรีบเปลี่ยนตัวเองและเชื่อว่าเราจะทำได้ในที่สุด 

พยายามคิดในแง่บวก

คิดว่าเราทำได้ คิดว่าเราเปลี่ยนได้ อะไรที่เราไม่เคยทำ เราจะลองทำ หรือเราพร้อมสำหรับโอกาสนี้ หากคิดเช่นนี้จะทำให้เรามีความมั่นใจและมีความกล้ามากขึ้นค่ะ

เชื่อว่าเราทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้

เพราะเราทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่แรก ขอเพียงแค่เราเชื่อมั่นในตัวเอง และพยายามพัฒนาตัวเอง เราเชื่อว่าทุกคนสามารถเก่งได้และพัฒนาตัวเองได้อย่างแน่นอน

เผชิญหน้ากับความกลัว

หากเรากลัวกับสิ่งใด ให้เราลองลงมือทำสิ่งนั้นและเชื่อว่าเราทำได้ หากเราสามารถทำสิ่งที่เรากลัวได้สักครั้ง เราจะทำมันได้ในครั้งต่อๆ ไปแค่เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัว นั่นถือเป็นก้าวเล็กๆ ที่เราสามารถทำสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

อยู่ใกล้คนที่สนับสนุนแล้วพร้อมให้กำลังใจคุณ

หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เราเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นคนแบบนั้น หากเราอยู่กับคนที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนในสิ่งที่เราทำแม้วันที่เราไม่เชื่อมั่นในตัวเอง การที่อยู่ใกล้คนที่สนับสนุนและคอยให้กำลังใจเราจะทำให้เรากลับมามีความเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง และสามารถทำสิ่งที่เราอยากจะทำได้ อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ

ลองจินตนาการว่าเราทำสิ่งนั้นได้

การจินตนาการเหมือนการที่เรามองเห็นภาพความสำเร็จที่เราจะทำได้ ซึ่งจะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ

ให้กำลังใจตัวเอง

ไม่มีกำลังใจไหนดีไปกว่าการให้กำลังใจตัวเอง หากเรามีกำลังใจจะทำให้เรามีพลังในการทำสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้นค่ะ

ก้าวผ่านความกลัว ด้วยความกล้า

ความกลัวเป็นสิ่งที่เกิดภายใต้จิตใจของเรา หากเราก้าวผ่านความกลัวด้วยความกล้าทำสิ่งต่างๆ ที่เรากลัว เผชิญหน้ากับมัน ถึงแม้เราจะรู้สึกท้าทายและมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราสามารถทำได้ เราจะกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสุข และเราเชื่อว่าเราจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้นอีกด้วย รวมถึงเราจะกล้าก้าวผ่านความกลัวในเรื่องอื่นๆ ที่จะเข้ามาเป็นบททดสอบในชีวิต เพราะเราเชื่อว่าแค่เรามีความกล้ามากขึ้น เราก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ค่ะ 

“Limiting beliefs” เป็นความเชื่อ ความกลัว ที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีศักยภาพในการทำสิ่งต่างๆ แต่เราสามารถเปลี่ยนความเชื่อของตัวเองได้ เพราะหากเราเปลี่ยนความเชื่อและก้าวผ่านความกลัวได้ เราจะกลายเป็นคนใหม่ที่มีความกล้าและมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ


Source 

https://www.betterup.com/blog/what-are-limiting-beliefs 

https://vt.tiktok.com/ZSjR9cBLj/

https://www.linkedin.com/pulse/overcoming-self-limiting-beliefs-melanie-mcnally-psyd-xszje 

https://www.pushfar.com/article/6-steps-to-breaking-your-limiting-beliefs/ 

Related Articles

single

เพราะไม่ว่าเราจะเป็นโสด หรือ มีคู่เราจะต้องเป็นแสงสว่างที่นำทางชีวิตตัวเอง

ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ เราต้องมีความสุขและเป็นเทียนที่ส่องสว่าง นำทางชีวิตตัวเองให้ได้  ทุกคนรู้ไหมว่าในปัจจุบันมีคนโสดทั่วโลกอยู่ประมาณ 2.12 พันล้านคน หรือราว 27% ของประชากรโลกเลยนะ และมีการคาดการณ์ว่าคนโสดจะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ (ข้อมูลล่าสุด ปี 2023) ทุกคนคิดว่าการที่เป็นคนโสด เราต้องรู้สึกเหงาจริงหรือเปล่านะ มีหลายผลการวิจัยบอกว่าการเป็นโสดทำให้เหงากว่าคนมีคู่นิดหน่อย แต่ทำไมมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังเป็นโสดกันล่ะ อาจเป็นเพราะอยากอยู่คนเดียว ไม่ชอบออกจากบ้าน ชอบนอนดูซีรีส์

รู้ยัง! จิตแพทย์ VS นักจิตวิทยา แตกต่างกันยังไงนะ

พบจิตแพทย์ = การรักษา พบนักจิตวิทยา  =  พูดคุย ปรับความคิด ฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็ง ทุกคนรู้ไหมคะว่าการหาหมอจิตแพทย์กับการไปหานักจิตวิทยาต่างกันอย่างไร ทุกคนคงรู้ว่าทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เป็นคนที่ช่วยดูแลใจของเราทั้งคู่ ทุกวันนี้มีผู้คนจำนวนมากที่หันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้น ถึงแม้ว่ายังมีคนบางส่วนที่ยังเข้าใจว่าคนที่ไปหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา จะต้องเป็นคนที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตค่อนข้างหนัก แต่แท้จริงแล้วการไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ไม่ต้องประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตก็สามารถไปพบได้ เช่น รู้สึกไม่สบายใจ กลุ้มใจ มีปัญหาทางด้านความรัก

5 เรื่องเกี่ยวกับกลโกง ลวง ให้ รัก ที่ทุกคนควรรู้เท่าทัน

ปัจจุบันการหลอกลวงผ่านโลกออนไลน์มีหลายรูปแบบทำให้คนที่โดนหลอกสูญเสียทรัพย์สินและของมีค่ามากมายมหาศาล หนึ่งในรูปแบบของการหลอกลวงนั้นคือ “Romance Scam” หรือ “การลวงให้รัก” ทุกคนรู้ไหมคะว่า การลวงให้รักนั้นถือเป็นการหลอกลวงรูปแบบหนึ่งผ่านทางโลกออนไลน์ที่สร้างความเสียหายอันดับต้นๆ ของไทยเลยนะ เพราะทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่หาเพื่อนคุย หรือหาคนรักผ่านทางโลกออนไลน์ ทำให้มิจฉาชีพใช้จุดนี้เป็นช่องโหว่เพื่อหลอกเงินจากคนที่เป็นโสดและอยากตามหารักแท้  และที่สำคัญไปกว่านั้น การหลอกลวงเหล่านี้ มิจฉาชีพไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ทำเป็นขบวนการเฉกเช่นแก๊งคอลเซนเตอร์ การหลอกลวงให้รักไม่ใช่แค่หลอกลวงให้เสียทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหลอกลวงที่เข้าไปเล่นกับความรู้สึกในใจคน ทำให้บางคนเสียความรู้สึก เศร้าใจและเกิดบาดแผลในใจ