5 สิ่งที่อยากให้รู้เกี่ยวกับ “แพนิก”
โรคที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

 มีใครเคยมีอาการเหล่านี้ไหม? อยู่ๆ ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงมากเหมือนจะหลุดออกมาอยู่ข้างนอก หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น เวียนหัว มือเย็น ฯลฯ บางคนเป็นมากถึงขนาดรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสิ้นลมหายใจ แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อตัวเองเลยก็ตาม สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่แค่ความกลัว หรือเป็นโรคเจ็บป่วยทางร่างกายแต่เป็นสัญญาณของ “โรคแพนิก” โรคทางใจที่แสดงออกมาทางร่างกายนั่นเองค่ะ

“โรคแพนิก” หรือ Panic Disorder เป็นโรคทางใจที่เกี่ยวกับการตื่นตระหนกและวิตกกังวล เป็นโรคที่หลายคนไม่เข้าใจและอาจจะมองว่าเป็นแค่ความกลัวหรือคิดไปเอง  คนที่เป็นโรคนี้มักจะถูกมองว่าอ่อนแอ ไม่มองโลกในแง่บวก ทั้งที่ในความเป็นจริง โรคนี้ถูกวินิจฉัยทางการแพทย์แล้วว่า เป็นโรคทางใจชนิดหนึ่งไม่ใช่แค่ความกลัวหรือคิดไปเองอย่างที่หลายคนเข้าใจ และเป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาเพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ

จากผลการสำรวจของระบาดวิทยาสุขภาพจิตของคนไทยระดับชาติ ปี พ.ศ. 2566 (ข้อมูลล่าสุด) พบว่าคนไทยประมาณ 1.3 ล้านคน เคยประสบกับโลกวิตกกังวลครั้งหนึ่งในชีวิต และมีประมาณ 4.5 แสนคนที่เป็นโรคแพนิก คนที่เป็นส่วนใหญ่มักเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และข้อมูลที่น่าตกใจไม่น้อย คือ คนที่เป็นโรคแพนิกส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น อายุตั้งแต่18 – 24 ปี นอกจากนี้เราเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ประสบกับโรคแพนิก และไม่ได้เข้ารับการรักษา ด้วยอาจเพราะปัจจุบันผู้คนประสบความเครียดมากขึ้น และมีผู้คนจำนวนมากพี่ไม่แน่ใจว่าเราเป็นโรคแพนิกหรือเปล่า วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาเจาะลึก 5 สิ่งที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับ“แพนิก”โรคที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามกันค่ะ

MYTHS : “โรคแพนิก” เป็นแค่ “ความกลัว”หรือ “คิดไปเอง”

FACTS : โรคแพนิก ไม่ใช่แค่ความกลัวหรือคิดไปเอง  แต่เป็นโรคทางจิตใจ เกิดจากสารสื่อประสาทในสมองทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาการตื่นตระหนกและวิตกกังวลอย่างรุนแรงทั้งที่ไม่ได้พบเจอกับเหตุการณ์อันตราย

หลายคนยังคิดว่า โรคแพนิก เป็นแค่ความกลัวหรือคิดไปเอง อาจจะเป็นเรื่องยากที่หลายคนจะเข้าใจอาจเป็นเพราะ เป็นโรคทางจิตใจ ที่มองภายนอกดูปกติ เพราะมักจะตรวจไม่เจอความผิดปกติทางกาย โดยไม่รู้ว่าอวัยวะภายในอย่างสมองก็เจ็บป่วยได้เหมือนกัน 

หากถามว่าโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร 

โรคแพนิกเกิดขึ้นจากสารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อว่าอะมิกดาลา (amygdala) ซึ่งเป็นสมองที่ควบคุมอารมณ์และความกลัวของคนเราทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่สมดุลของ สารสื่อประสาทในสมอง สมองจึงมองสถานการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่ากลัวขึ้นมา สมองจึงสั่งให้ระบบประสาทอัตโนมัติ ทำงานเกินความจำเป็น ซึ่งทำให้เกิดอาการแพนิก เช่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ เหงื่อออก มือสั่น ความดันเลือดสูง ฯลฯ อาการเหล่านี้จะแสดงออกมาเมื่อเราเจออันตรายจริง เหมือนเวลาเราเจอเสือ สมองก็จะสั่งให้เกิดอาการกลัว เพื่อให้เราหนีภัยอันตราย 

แต่สำหรับคนที่เป็นโรคแพนิก อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ไม่มีสาเหตุ หรือบางทีมีสถานการณ์บางอย่างที่เรากลัว แต่สมองกลัวเกินกว่าเหตุ จึงทำให้เกิดโรคแพนิก บางคนถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียชีวิต ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง 

โดยมีงานวิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคแพนิกและโรคกลัวสังคมของคุณ Cox, Direnfeld, Swinson & Norton ในปี 1994  ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงวารสาร American Journal of Psychiatry (Am J Psychiatry) ซึ่งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า คนที่ป่วยด้วยโรคแพนิกมีความเสี่ยงสูงที่จะจบชีวิตตัวเองลงมากกว่าคนปกติ 

ทุกคนรู้หรือไม่ว่า คนที่เป็นโรคแพนิกในบางคนอาจเป็นโรคซึมเศร้าร่วมด้วยก็เป็นได้ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นจึงสะท้อนให้เห็นว่าโรคแพนิก ไม่ใช่โรคที่คิดไปเอง หรือพยายามคิดบวกแล้วจะหายเองอย่างที่หลายคนเข้าใจนั่นเองค่ะ

MYTHS : “โรคแพนิก” ไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะเราสามารถอยู่กับมันไปตลอดชีวิต

FACTS : คนที่เป็นโรคแพนิกจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น โรคซึมเศร้า ปัญหาชีวิตคู่ ฯลฯ

หลายคนอาจจะคิดว่าโรคแพนิก เป็นแค่ความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเราไม่จำเป็นต้องรักษาก็ได้ เราสามารถอยู่กับโรคแพนิกไปได้ตลอดชีวิต แต่แท้จริงแล้วโรคแพนิก เป็นโรคที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะมันทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจ ทุกข์ทรมานทางใจและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  เช่น ปัญหาการเรียน ปัญหาการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คู่ชีวิต แฟน เพื่อน ฯลฯ หากปล่อยไว้นาน อาจจะเป็นมากขึ้นซึ่งทำให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมานั่นเองค่ะ 

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การไปพบจิตแพทย์ยังเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับใครหลายๆคน ถึงแม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะไปพบจิตแพทย์มากขึ้นแล้วก็ตาม รวมถึงหลายคนก็ยังคิดว่า อาการแพนิกเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบและจะหายเองได้ คนที่มีอาการนี้จึงไม่ไปพบจิตแพทย์ แต่โรคแพนิกเป็นโรคที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อที่เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างมีความสุขค่ะ

MYTHS : “โรคแพนิก” ไม่สามารถเกิดได้ในขณะหลับ

FACTS : โรคแพนิกเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่หลับหรือขับรถ อาจจะมีความเครียดและความกลัวเป็นสิ่งกระตุ้นหรือไม่มีอะไรเป็นตัวกระตุ้นเลยก็ได้

ทุกคนรู้หรือไม่คะว่าโรคแพนิกไม่ได้เป็นได้เฉพาะตอนที่ตื่นนอนเท่านั้น แต่ตอนที่หลับโรคแพนิกก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน เรียกได้ว่า โรคแพนิก เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา 

อาการแพนิกตอนกลางคืน เรียกว่า night panic attack คนที่เป็นส่วนมากจะสะดุ้งตื่นตอนกลางดึกด้วยอาการตื่นตระหนกและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เหมือนอาการแพนิกที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันแต่จะมีความแตกต่างกันคือเรื่อง การหายใจอาจจะรุนแรงกว่า เช่น รู้สึกว่าหายใจลำบาก หัวใจเต้นแรงหรือ ใจสั่น รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียชีวิต อาการจะรุนแรงไม่ถึง 10 นาทีและจะเบาบางลง และใช้เวลาสักพักกว่าจะหลับได้อีกครั้ง

อาการแพนิกตอนกลางคืนอาจจะเกิดจาก เครียดสะสมจากตอนกลางวัน หยุดหายใจในขณะหลับ หรือกินเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไป เช่น กาแฟหรือชา ฯลฯ รวมถึงในเวลาขับรถอาการแพนิกก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันนะคะ หากเกิดอาการอาจจะขับรถต่อไม่ได้ ให้ค่อยๆ ตั้งสติ หายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้อาการดีขึ้นค่ะ อาการแพนิกเกิดขึ้นทั้งการนอน การขับรถ หรือในสถานการณ์อื่นๆ อาจไม่มีสาเหตุเลยก็ได้ค่ะ

MYTHS : โรคแพนิกเป็นโรคทางจิตใจของแต่ละคน ไม่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

FACTS : ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ ถ้าหากคนในครอบครัวมีอาการแพนิก ก่อนอายุ 20 ปี ญาติสายตรงจะมีความเสี่ยงถึง 17 เท่า 

ทุกคนรู้หรือไม่ว่าโรคแพนิก ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ จากงานวิจัยที่มีชื่อว่า The Genetic Basis of Panic Disorder ได้ถูกตีพิมพ์ลง Journal of Korean Medical Science โรคแพนิกเป็นโรควิตกกังวลเรื้อรังส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และโรคแพนิกมีความเชื่อมโยงกับความหลากหลายทางพันธุกรรมและการมีพันธุกรรมที่ซับซ้อน

ซึ่งถ้าหากคนในครอบครัวมีอาการแพนิกก่อนอายุ 20 ปี ลูกจะมีความเสี่ยงถึง 17 เท่า ในการเป็นโรคแพนิก แต่ถ้าเริ่มเกิดอาการแพนิก หลังอายุ 20 ปี ลูกจะมีความเสี่ยง 16 เท่าที่จะเป็นโรคแพนิก รวมถึงครอบครัวที่มีลูกฝาแฝดโรคแพนิกจะถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ในระดับปานกลาง ประมาณ 30% – 40% ซึ่งยีนมีส่วนสำคัญในการเกิดโรคแพนิก 

ทั้งนี้พันธุกรรมไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดที่จะทำให้เกิดโรคแพนิกยังมีสภาพแวดล้อมรอบข้างพฤติกรรมและการตีความผิดของร่างกายก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดโรคแพนิกได้ค่ะ 

MYTHS : การได้ยิน การได้กลิ่น ได้อยู่ในสถานที่เดิมไม่ใช่สิ่งกระตุ้น ที่ทำให้เกิดอาการแพนิก

FACTS : สมองจะจำสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพนิกได้ เมื่อได้ยิน ได้กลิ่น หรือเข้าไปอยู่ในสถานที่เดิมสมองจะจดจำว่าสิ่งนี้เป็นอันตราย ทำให้เกิดอาการแพนิกซ้ำได้

การได้ยิน การได้กลิ่น ได้อยู่ในสถานที่เดิมที่ทำให้เกิดอาการแพนิก สามารถทำให้เกิดแพนิกซ้ำได้จริง กลิ่นกระตุ้นประสาทสัมผัสและอารมณ์ เช่น ทหารผ่านศึกที่เป็นโรค PTSD ได้กินน้ำมันดีเซล แล้วอาการแพนิกกำเริบ

เสียงบางเสียงที่คนที่เป็นโรคแพนิก ได้ยิน แล้วเกิดอาการตื่นตระหนก เพราะสมองจะเชื่อมโยงว่า เสียงนี้เป็นอันตรายทั้งที่ไม่มีอันตรายอะไรเลยก็ตาม หรือแม้แต่สถานที่ที่เคยไปแล้วเกิดโรคแพนิกก็สามารถทำให้เกิดโรคแพนิกได้เช่นกัน เนื่องจากสมองจะจดจำความกลัวในอดีต และตีความว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อเรา ซึ่งสมองตีความผิดทำให้แพนิกกำเริบนะคะ

“โรคแพนิก” เป็นโรคที่เกี่ยวกับจิตใจ ไม่ใช่แค่ความอ่อนแอหรือความกลัวภายในจิตใจอย่างที่หลายคนคิดและต้องรีบรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตปกติยังมีความสุขนะคะ


Source

thainakarin, nimh.nih.gov, ram-hosp.co.th, pubmed.ncbi.nlm.nih.gov, psychiatryinvestigation.org, Tiktok : ช่องพี่กลางหอสมุดแห่งชาติ

 who.int, nimh.nih.gov, Mayo Clinic.org, Mayo Clinic.org, my.clevelandclinic.org

pmc.ncbi.nlm.nih.gov, magazine.hms.harvard.edu

 

Related Articles

Mother's Day

แม่อาจไม่ใช่เพียงผู้ให้กำเนิด แต่เป็นผู้เลี้ยงดูให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่งและงดงาม

“แม่” อาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ให้กำเนิด แต่เป็นคนที่เลี้ยงดู อุ้มชู้ คอยอยู่เคียงข้าง ให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง งดงาม หากถามว่า คำว่า “แม่” ในความหมายของทุกคนคือใครกันบ้างคะ? ในความหมายของเรา แม่ อาจไม่ต้องเป็นผู้ให้กำเนิด แต่เป็นแม่บุญธรรม ญาติ ย่า ยาย  หรืออาจจะไม่ใช่บุคคลที่มีสายเลือดเดียวกันกับเราเลยก็ได้ แต่เป็นคนที่คอยเลี้ยงดู

โอบกอดหัวใจผู้ประสบภัย-สดุดีความดีของเหล่าวีรชนผู้เสียสละจากสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา

เราขอร่วมโอบกอดหัวใจผู้ประสบภัยทุกคน ส่งกำลังใจและสดุดีความดีของเหล่าวีรชนผู้เสียสละ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ ในวันที่มีเมฆหมอกปกคลุม จิตใจของผู้ประสบภัย ทหารและเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่คนที่ติดตามข่าวสารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา อาจจะเกิดความเครียด ไม่สบายใจหรือมีความวิตกกังวล เกิดขึ้นมาภายในจิตใจ เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจและโอบกอดหัวใจของผู้ประสบภัยทุกคน เราขอให้พวกคุณทุกคนมีจิตใจที่เข้มแข็งและแข็งแกร่ง เพื่อก้าวผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้ และขอให้พวกคุณรู้ไว้ว่า พวกคุณทุกคนไม่ได้อยู่คนเดียว แต่เราทุกคนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง เพื่อให้เราทุกคนผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

micro happiness

ความ (ธรรมดา) ของชีวิต ความสุขเล็กๆ ที่ฟื้นฟูจิตใจ

พักจากความวุ่นวาย และกลับมามอง “ความสุข” ที่อยู่รอบกาย เพื่อซัพพอร์ตหัวใจของตัวเอง “ความสุข” คือ ขุมทรัพย์อันล้ำค่าที่ทุกคนสามารถมีอยู่ได้ในชีวิต ทุกคนว่าจริงไหมคะ ในโลกยุคปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความเครียด ความคาดหวัง ความกดดันในชีวิต ผู้คนส่วนมากอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย มีแต่สิ่งเปรียบเทียบเต็มไปหมด หลายคนมองหาความสุขจากสิ่งที่เราไม่มี แล้วคิดว่าถ้าหากเราได้มันมาเราจะมีความสุข หลายคนจึงไขว่คว้าและตามหาความสุขในสิ่งที่เราไม่มี ซึ่งการทำเช่นนั้นมันก็ไม่ได้ผิดหรอกค่ะ แต่บางครั้งเราแค่ลืมมองความสุขง่ายๆ