สวนเล็กในแก้วใหญ่
ดีไซน์ไหนหรือจะสู้
"The Glass Fortress"

เสียงรถยนต์เร่งเครื่อง เสียงซอกแซกของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา และทุกเสียงของความวุ่นวายพลันถูกดูดกลืนหายไปสนิท เหลือเพียงเสียงนกร้องจิ๊บๆ และใบไม้ที่สั่นไหวไปสายลม แสงแดดสีทองถูกกรองให้เบาบาง เหลือเพียงความอุ่นสบายรอบกาย ลมเย็นพัดโกรก หอบความชุ่มฉ่ำมาโอบกอดเบาๆ ชวนให้ล้มตัวลงนอนเล่นข้างต้นไม้ใบหญ้าที่พริ้วไหวเป็นจังหวะ ราวกับเต้นรำอย่างเพลิดเพลินอยู่กลางสวนกว้าง

เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งเคลิ้มไป นี่ไม่ใช่บทบรรยายในนิยายละเมียดละไมเล่มไหน แต่เป็นสัมผัสแรกที่ไม่ว่าใครได้ทะลุมิติผ่านปราการแก้วใสที่ก่อตัวจากอิฐแก้วเรียงรายโอบล้อม secret garden น้อยๆ เอาไว้ภายใน เป็นต้องรู้สึกกันหมด!

The Line Phahonyothin Park

ได้ยินนะ คุณเดาว่าเจ้าสิ่งนี้คืองานสถาปัตยกรรม Pavilion ชิ้นเอกที่เมืองไหนสักแห่งในอีกฟากนึงของโลกใช่ไหมล่ะ? เปล่าเลย นี่คือโปรเจกต์ “The Glass Fortress” sales gallery ดีไซน์ไม่เหมือนใครของโครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค (The LINE Phahonyothin Park)  ของแสนสิรินี่แหละ

แอบกระซิบว่าที่นี่ออกแบบโดยทีมสถาปนิกไทยอย่าง Archismith Co., Ltd. และ Arsomsilp Landscape Studio จนคว้ารางวัล Silver Award หมวด Architecture Categories / Other Architectural Designs จาก International Design Awards (IDA) ครั้งที่ 12 ประจำปี 2018 ไปครองมาแล้ว! ยังๆ ยังไม่หมด The Glass Fortress ยังติดโผผลงานเข้าชิงรางวัลหมวด Business Building ของ Dezeen ในปี 2019 นี้อีกด้วยนะ

The Line Phahonyothin Park

ไม่ต้องถามหาความโดดเด่น แค่เห็นข้างนอกก็รู้แล้วว่าที่นี่ยืนหนึ่งเรื่องความเก๋ของวัสดุ “อิฐแก้ว” ที่ก่อตัวเป็นกำแพงใสสูงใหญ่ถึง 8 เมตร

แต่แน่ล่ะ The Glass Fortress ไม่ได้มีดีแค่ความโดดเด่นสะดุดตาให้คนที่ผ่านไปผ่านมาบนท้องถนนพหลโยธินร้อง ‘Wow!’ เล่นๆ เท่านั้น แต่ยังหอบหิ้วความพิเศษยกกำลัง 3 มาด้วยแบบจัดเต็ม

แค่ก้าวเท้าเข้ามา วันวุ่นวายก็กลายเป็นความสงบกลางธรรมชาติได้ในพริบตา

เป็นที่รู้กันดีว่าหนึ่งย่านสุดฮิตติดชาร์ทอย่างพหลโยธินไม่เคยเงียบเหงาเลยสักวัน เพราะเต็มไปด้วยผู้คนและรถราที่ผ่านไปมาตลอดๆ และยังฮิตยิ่งกว่าเดิมจากการมาของสถานีรถไฟฟ้า BTS ใหม่แกะกล่องอย่างสถานีห้าแยกลาดพร้าว แต่ไม่ว่าจะยังไง บรรยากาศของการจราจรบนท้องถนนก็อาจจะทำให้หลายๆ คนถูกรบกวนจนมึนหัว เห็นดาววิ้งๆ ไปหมดได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะ?

The Line Phahonyothin Park

หมดยุคนั้นแล้วจ่ะ เพราะแค่ก้าวเท้าผ่านกำแพงแก้วเข้ามาใน The Glass Fortress ก็เหมือน Alice ก้าวสู่ Wonderland จะต่างก็แค่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้น่ะเต็มไปความเขียวขจีทุกหย่อมหญ้าของสวนที่ร่มรื่นถึงขีดสุด สมกับเป็นสำนักงานขายของ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค คอนโดที่หยิบเอาแรงบันดาลใจจากสวนเขียวถึง 8 ไร่ภายในโครงการมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ

พื้นที่ตรงนี้เองยังทำหน้าที่เป็นทางเดินสวนทอดยาว ที่คอยช่วยปรับอารมณ์ความว้าวุ่นจากบรรยากาศข้างนอก พร้อมเติมความผ่อนคลายให้แขกที่มาเยือน ก่อนเข้าไปพักผ่อนสบายๆ ข้างใน sales gallery ที่ซ่อนตัวสวยๆ อยู่อย่างเนียนๆ ที่สุดทางเดิน

The Line Phahonyothin Park

เรียกว่า ตัดเข้าหลังกำแพงแก้วที่โอบล้อมสวนแห่งนี้เมื่อไหร่ จากภาพวันวุ่นวายด้านนอก ก็กลายเป็นความสงบสีเขียวทันที แต่ไม่ต้องกลัวเลยว่าเข้ามาแล้วจะอึดอัดหรืออุดอู้ เพราะด้านบนของสวนแห่งนี้ยังคงเปิดโล่งสู่ผืนฟ้าสีครามสดใสในมุมมองกว้าง ส่วนมองวิวด้านล่างก็สดชื่นด้วยต้นไม้เรียงรายรอบด้าน และเย็นสบายด้วยระบบละอองน้ำภายในสวนที่ช่วยไล่ความร้อนออกไปให้ไกลอีกด้วย

ความพิเศษของบล็อกแก้วแสนธรรมดา ที่มีความลับซ่อนอยู่

‘ก็แค่บล็อกแก้วธรรมดา’ สารภาพมานะว่าใครแอบคิดแบบนี้อยู่ มารวมกันตรงนี้ด่วนๆ เพราะความน่าทึ่งของจริงของอิฐแก้วกว่า 20,000 ก้อนที่ก่อร่างสร้างเป็นกำแพงสูงราวกับธารน้ำแข็งกลางกรุงเทพฯ อยู่ที่การบล็อกเก่งอะไรเก่ง!

The Line Phahonyothin Park

เจ้าอิฐแก้วใสนี้สามารถบล็อกได้ทั้งภาพ แสง และเสียงไม่พึงประสงค์รอบนอกปราการแก้วไปได้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่ว่าจะเป็นการบล็อกภาพบรรยากาศท้องถนนในเมืองที่เห็นจนเบื่อ บล็อกแสงร้อนระอุของกรุงเทพฯ ให้เหลือเพียงแสงธรรมชาติอ่อนๆ ผ่านเข้ามาภายใน และบล็อกเสียงวุ่นวายรอบนอกไม่ให้มารบกวนความสงบร่มรื่นในสวน

แต่ถึงจะบล็อกเก่งแค่ไหน ตัวอิฐแก้วโปร่งแสงยังแอบแฝงช่องกลวงตรงกลาง ช่วยส่งผ่านมวลอากาศเย็นๆ ให้โอบกอดทุกชีวิตในสวนอยู่เสมอด้วยนะ

The Line Phahonyothin Park

อีกความเจ๋งของจริงของอิฐแก้วนี้ คือการเป็นอิฐแก้วทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีปีกแก้วยาวพิเศษยื่นออกมาตามขอบมุมต่างๆ ผลลัพธ์สุดเริ่ดก็เลยเป็นการที่รอยต่อระหว่างบล็อกอิฐแก้วถูกลดลงจากปกติ 10 มม. เหลือเพียงแค่ 2 มม.เท่านั้น! กำแพงแก้วของปราการร่มรื่นแห่งนี้ก็เลยเป็นผืนเดียวต่อเนื่องสวยงาม ไม่เห็นรอยต่อยาแนวหนาๆ ให้รกตากวนใจ มองเท่าไหร่ก็สบายตาสุดๆ

นับว่าการเลือกใช้อิฐแก้วใสมาเรียงรายเป็นพื้นที่สวย ช่วยเพิ่มเสน่ห์สุดล้ำสมัยให้ sales gallery แห่งนี้ในแบบที่กระจกเรียบๆ ใสๆ ธรรมดาก็ทำไม่ได้ กำแพงปูนน่ะเหรอ? ก็ทำไม่ได้ กลายเป็นการปฏิวัติภาพจำเชยๆ ของงานดีไซน์แบบเดิมๆ สมัยก่อนที่ทำจากอิฐแก้ว ให้เปลี่ยนเป็นความโมเดิร์นมากมิติยิ่งกว่าคริสตัลซะอีก

แสงเปลี่ยน มุมปรับ Movement เกิด ก็ช่วยเปลี่ยนค่ำคืนให้ตระการตาได้ในทันที

ความโปร่งแสงกึ่งใสของอิฐแก้วนั้น นอกจากจะพาแสงอ่อนๆ ด้านนอกเข้ามาได้อย่างพอเหมาะแล้ว ยังทำให้กำแพงแก้วทั้งผืนเกิดมิติที่หลากหลาย พร้อมกับความเคลื่อนไหวตามไปได้ไม่รู้จบตลอดวัน เพราะเมื่อแสงซึ่งเปลี่ยนตามช่วงวันไปเรื่อยๆ ส่องผ่านเข้ามาตกกระทบกับแมกไม้ร่มรื่นที่พริ้วไหวไปตามสายลมหลังกำแพงแก้ว จนเกิดเป็นเงารูปร่างต่างๆ façade ของปราการแห่งนี้ก็จะเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตและให้ภาพความงามในมุมมองใหม่ที่เปลี่ยนไปจากวินาทีก่อนหน้าเสมอๆ เลยล่ะ

The Line Phahonyothin Park

ว่าแต่ช่วงกลางคืน ที่แสงข้างนอกหลบไปนอนจนหมดล่ะ จะเป็นยังไง? จะมืดสนิทราวกับหลับใหลไปด้วยรึเปล่านะ?

บอกเลยว่าไม่ เพราะ The Glass Fortress ยามค่ำคืน จะเปลี่ยนตัวเองเป็นโคมไฟขนาดใหญ่กลางกรุงด้วยด้านในสวนที่เปิดไฟอย่างสวยงาม แสงที่ออกมาเจอกับอิฐแก้วอันมีมิติโดยรอบจึงคอยส่องสว่างไปยังท้องถนนและผู้คนในบริเวณนี้อย่างงดงามที่สุด ราวกับเรากำลังเดินเล่นอยู่ที่ LACMA ชม Urban Light อยู่ที่ Los Angeles เลยทีเดียว

The Line Phahonyothin Park

เรียกได้ว่า The Glass Fortress เป็นสถาปัตยกรรม sales gallery ที่เต็มไปด้วยมิติความพิเศษทุกบล็อกทุกตาราง และนับเป็นอาณาจักรเล็กๆ ที่เลือกใช้วัสดุได้อย่างสร้างสรรค์ในการประกอบสร้างเป็นบางสิ่งที่สอดรับกับบริบทและบรรยากาศในบริเวณที่ตั้ง จนทำให้ประสบการณ์แห่งความผ่อนคลาย ความสดชื่น และการหายใจได้อย่างเต็มปอดเกิดได้แม้จะใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองขนาดนี้

The Line Phahonyothin Park

สอดคล้องสุดๆ กับการที่คอนโด เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ออกแบบพื้นที่โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในแบบ “Living with nature” มาเป็นที่ 1 ในทุกๆ ส่วน

ตั้งแต่ชั้นแรกที่เน้นพื้นที่เปิดมุมมองกว้างสู่สวนร่มรื่นกว่า 8 ไร่ ยาวไปจนชั้น 22 ที่เปรียบเสมือนโพรงต้นไม้ตามลำต้นซึ่งมักจะเป็นจุดรวมตัวของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ พื้นที่ตรงนี้จึงได้รวบรวมเอา space กิจกรรมทั้งหลายเอาไว้แบบครบเครื่อง ทั้ง Co-living Lounge, Co-Playing Space, Co-Cooking Studio และ Co-Working space หรือแม้แต่โซนสูงสุดชั้น 32 ที่จะมีการเชื่อมพื้นที่สวนธรรมชาติให้ทอดยาวเชื่อมต่อกับวิวขอบฟ้ากว้างเป็นผืนเดียวกัน เหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์อยู่บนยอดไม้สูงเลยทีเดียว

บางทีงานดีไซน์ที่ดี น่าจดจำ และชวนให้ขยับชีวิตตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ๆ อาจไม่ใช่งานดีไซน์ที่หรูหราอลังการจนไม่กล้าแตะต้อง หรืองานดีไซน์ที่ซับซ้อนจนเข้าไม่ถึง แต่เป็นงานดีไซน์ที่เลือกใช้องค์ประกอบทุกส่วนได้อย่างน่าทึ่ง มี space เล็กๆ ให้กับความรู้สึกผ่อนคลายที่เราโหยหา พร้อมกับพาบริบทแวดล้อมมาบรรจบกับชีวิตที่เราฝันและเฝ้าจินตนาการถึงได้อย่างลงตัวนี่แหละ

เยี่ยมชม “The Glass Fortress” สำนักงานขาย เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ได้ที่พหลโยธิน 29
สัมผัสการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ที่ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค คลิก ที่นี่

Related Articles

BELLOW! อย่าง สีเหลือง ... อยู่ตรงไหนในบ้านได้บ้าง

BELLOW! อย่าง สีเหลือง … อยู่ตรงไหนในบ้านได้บ้าง

อย่าง “สีเหลือง” เบลโล่วว!  พร้อมแจกความสดใสไปทั่วเมืองกับเหล่าวายร้ายจอมป่วน “MINION” ที่กลับมาสร้างสีสันความสนุกอีกครั้ง ทำให้ปิ๊ง! ไอเดียและได้แงบันดาลใจจากสีเหลือ เหล่านี้ ถ้านำมาแต่งบ้าน จะนำไปแมตช์ตรงไหนให้ดูสนุกและสดใสได้บ้างนะ มาดูกันเลย สีเหลืองเป็นสีสันแห่งความสุข ความสดใส สร้างความคิดสร้างสรรค์ และเติมแรงบันดาลใจ หากเลือกโทนสีที่ใช่และเลือกใช้ให้ลงตัว เช่น การไล่เฉดสีเข้ม-อ่อน และจัดสรรสัดส่วนให้พอเหมาะ

THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN

THE ERAS OF AESTHETIC DESIGN 40 ปีแห่งการดีไซน์ เล่าผ่านยุคสมัยอันรุ่งเรืองทางศิลปะ

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย “ศิลปะ” ก็ยังคงเป็นสิ่งสร้างความจรรโลงใจ เพลิดเพลิน รื่นรมย์ และผ่อนคลายให้กับมนุษย์ จากความวิจิตรงดงามในด้านต่างๆ ทั้ง สถาปัตยกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม จิตรกรรม รวมไปถึงคีตศิลป์ต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลได้รับการรังสรรค์และร้อยเรียงกันด้วย “การดีไซน์” ให้ลงตัว บทบาทของความผู้ด้านดีไซน์ของ แสนสิริ เองนั้นก็เองก็เริ่มจากความเชื่อ…เชื่อในความเป็นไปได้ใหม่ๆ พร้อมสานต่อยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองทางศิลปะให้คงอยู่ไปจนถึงอนาคต

Behind The Design EP3

Behind The Design EP.3: เพราะบ้านคือพื้นที่ของทุกคน? การดีไซน์ ⇆ ความเท่าเทียม

ในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันเราอาจจะเจอกับหลายเหตุการณ์ที่ยากลำบากไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่แสนยากลำบาก เจอรถติด คนบนรถไฟฟ้าเยอะ เจอแอ่งน้ำตามทางเท้าใวัฝนตก แต่หากเปรียบเทียบกลุ่มคนพิการที่ต้องใช้วีลแชร์ หรือผู้สูงอายุที่เดินเหินได้ไม่คล่องตัวแล้ว ปัญหาที่พวกเขาต้องพบเจอนั้นอาจจะใหญ่กว่าคนทั่วไป  การเข้าใจในการออกแบบที่จะตอบโจทย์ผู้คนทุกกลุ่มหรือที่เรียกว่า “Universal Design” จะเกิดขึ้นได้นั้นต้องเกิดจากการร่วมมือของทุกคนทุกกลุ่ม โดยต้องปรับเปลี่ยนปัจจัยภายนอกให้เกิดความเหมาะสม แต่สิ่งที่น่าจะตอบโจทย์ทุกคนน่าจะต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้น  นั่นก็คือ “บ้าน” วันนี้ Behind The Design อยากชวนทุกคนลองมองในมุมของคนพิการทางการเคลื่อนไหวและผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบพื้นที่