The value of kindness ความใจดีจะมีคุณค่า
เมื่อเราใจดีถูกคน

ความใจดีจะมีคุณค่า เมื่อเราใจดีถูกคน
อย่าใจดีจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน

หากพูดถึง “ความใจดี” ย่อมส่งผลให้ “ผู้ให้” และ “ผู้รับ” เกิดความรู้สึกพิเศษเสมอ ความใจดีเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมนี้น่าอยู่และอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ความใจดีจึงเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับรู้สึกมีความสุข 

แต่ในบางครั้งการใจดีกับคนอื่นมากเกินไป อาจสร้างบาดแผลในใจและกลับมาทำร้ายเราโดยไม่รู้ตัว การใจดีหรือการให้ผู้อื่นเกินขอบเขตเปรียบเสมือนกับการที่เราเทน้ำลงใส่ขวดพลาสติก แล้วขวดใบนั้นรั่ว ต่อให้เราเติมน้ำขวดนั้นมากเท่าไหร่มันก็ไม่มีวันเต็ม เพราะน้ำในขวดนั้นจะไหลทิ้งอย่างสูญเปล่า เปรียบเสมือนการที่เราใจดีกับใคร ทำดีแค่ไหน ก็ไร้ค่า ซึ่งในที่นี้เราไม่ได้หมายความว่าคนอื่นต้องตอบแทนความใจดีที่เรามีให้ แต่เราหมายถึงการที่เขาเห็นคุณค่ากับความใจดีของเรา ไม่เอาเปรียบหรือหาผลประโยชน์จากความใจดีของเรานั่นเองค่ะ 

หลายครั้งที่เราอาจจะใจดีจนตัวเองเดือดร้อน ถูกเอาเปรียบ กดดัน และละเลยความรู้สึกของตัวเองเพียงเพราะไม่กล้าพูดปฏิเสธคำขอร้องจากคนอื่นจนเป็นการทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเราจึงต้องรักษาสมดุลระหว่างคำว่า “การเป็นคนที่ใจดี” กับ “การปกป้องตัวเองไม่ให้เดือดร้อน”  

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาย้อนคิดถึง คุณค่าของความใจดี ที่จะไม่ทำให้เราเดือดร้อนและมีความสุขกับการเป็นผู้ให้กันค่ะ 

The value of kindness

 อย่าให้ “ความใจดี” เป็นบาดแผลในใจ

เคยไหมคะที่เราใจดีกับคนอื่นแล้วความใจดีนั้นมาทำร้ายตัวเราโดยไม่รู้ตัว จนกลายเป็นบาดแผลในใจ ทฤษฎีบรรทัดฐานทางสังคมหรือ Social Norms Theory

โดยทฤษฎีจะพูดถึงการที่เราเป็นคนใจดี เพราะเกิดจากการปลูกฝังจากสังคมว่าเราจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้อื่นและการช่วยเหลือจะทำให้เรามีความสุข แต่บางครั้งความใจดีก็สร้างบาดแผลภายในใจให้กับเราได้เหมือนกัน เมื่อเราใจดีมากเกินไป อาจจะถูกทำร้ายทางความรู้สึก หรือ การกระทำ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นคุณค่ากับสิ่งที่เราให้เขาเสมอไป ซึ่งบางทีสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่อยากช่วยเหลือเขาอีกต่อไปหรืออาจรู้สึกหมดศรัทธาในการทำความดีไปเลยก็ได้ แต่หากมองในอีกด้าน การที่เราพบเจอคนที่ไม่เห็นคุณค่าความใจดีของเรา อาจเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้เรียนรู้และรู้จักผู้คนมากขึ้น อีกทั้งช่วยให้เรารู้จักปกป้องตัวเอง ไม่ให้ถูกทำร้ายจากความใจดี รวมถึงทำให้เราเติบโตขึ้น ในแบบฉบับที่ทำให้เรารักตัวเองและเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้นนั่นเองค่ะ 

ความใจดีของทุกคนมีคุณค่า 

ความใจดีจะมีคุณค่าและมีความหมาย เมื่อเราใจดีกับคนที่เขาเห็นคุณค่าความใจดีของเรา ไม่หาช่องทางในการหาผลประโยชน์จากความใจดีของเรา ยิ่งเราเติบโตขึ้น เราพบเจอคนมากมาย เราเชื่อว่าหลายคนมักจะเจอคนเอาเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การยืมเงิน หรือการที่เขาให้ช่วยเหลืออะไรบางอย่าง โดยการกระทำนี้อาจเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยที่ไม่มีความเกรงใจ ไม่เห็นคุณค่าความใจดีของเรา เราจึงต้องวางขอบเขตชัดเจน สร้างกำแพงเพื่อไม่ให้เขาล้ำเส้น เรามากเกินไป เพราะหากเราไม่ว่าขอบเขตที่ชัดเจน ท้ายที่สุดตัวเราเองอาจจะเดือดร้อนจากความใจดีของเราเองค่ะ 

5 วิธีใจดีอย่างไรไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน 

ตั้งขอบเขตความใจดีของเราให้ชัดเจน 

การที่เราใจดีมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือเมตตาผู้อื่น เราต้องกำหนดขอบเขตความใจดีให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ตัวเองเดือดร้อน ตั้งขอบเขตว่าเรื่องไหนที่เรายอมรับได้และเรื่องไหนที่เรายอมรับไม่ได้ซึ่งหากเรายอมรับไม่ได้ เราจะต้องไม่ฝืนใจตัวเองเหมือนกัน ซึ่งเราว่าขอบเขตของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ขอบเขตนั้นจะขึ้นอยู่กับความสบายใจส่วนบุคคลนะคะ

รู้จักสังเกตว่าคนที่มาขอความช่วยเหลือจริงใจกับเราหรือไม่

ในมุมของเรา เราจำเป็นต้องสังเกตว่าคนที่เข้ามาหาเราเขาเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือจากเราจริงหรือไม่ ต้องการผลประโยชน์จากเรารึเปล่า และความช่วยเหลือนั้นเกินกำลังที่เราจะรับไหวหรือไม่ค่ะ หากทำเช่นนี้ความใจดีของเราจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้อื่นและทำให้ตัวเรามีความสุขค่ะ 

ให้ “เวลา” กับตัวเองก่อน

อย่าลืมนะว่า ชีวิตของเราก็สำคัญไม่แพ้ใคร อย่าช่วยคนอื่น อย่าใจดีกับคนอื่น จนละเลยความรู้สึกของเอง อย่าช่วยจนเราต้องทุกข์ใจ ช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์
แต่ตัวเองมานั่งเป็นทุกข์ เช่นยอมเงินแล้วไม่คืนค่ะ

กล้าที่จะปฏิเสธให้เป็น

หลายคนเวลาคนอื่นมาขอความช่วยเหลือ ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธ จนกลายเป็นความเคยชินว่าเราต้องให้ และคนที่ได้รับบางคนอาจคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำ จนไม่เห็นคุณค่าความดีของคนให้ และถ้าไม่ให้เมื่อไหร่ คนที่จะกลายเป็นคนไม่ดีทันที เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคม

ต้อง “รู้สึกดี” เมื่อเราใจดีกับคนอื่น

เราต้องรู้สึกดีจากความรู้สึกภายในของเราอย่างแท้จริง และไม่หวังว่าเมื่อเราให้ความใจดีกับใครไปเราจะได้สิ่งนั้นกลับคืนมา ในแบบที่เราคาดหวัง ถ้าเราใจดีกับคนอื่นแบบคาดหวังที่เขาต้องใจดีตอบ หากเราไม่ได้กลับมาเช่นนั้นเราก็จะมีความทุกข์แทน เราจึงต้องรู้สึกอยากช่วยเหลือเขาด้วยความจริงใจที่แท้จริง การทำเช่นนั้นจะทำให้เรามีความสุขมากในการได้ใจดีกับคนอื่น

ความใจดีของเราเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อตัวเราและผู้อื่น ดังนั้น คนที่สมควรจะได้รับความใจดีจากเรา คือ คนที่เห็นคุณค่าในความดีของเราและไม่ทำให้เราเดือดร้อน


Source

https://blogherald.com/personal-growth/dna-people-who-are-kind-but-never-get-taken-advantage-of-usually-display-these-8-non-negotiable-boundaries/

https://www.youtube.com/watch?v=llgWcrGiE9M&t=270s 

Related Articles

Harmony Hour Music Playlist

Music Therapy : พลังแห่งดนตรีที่ช่วยเยียวยาร่างกายและหัวใจ

“เสียงดนตรี” เป็นเสียงที่ทรงพลังช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ให้กลับมาแข็งแรง สดใสและมีความสุขกับการใช้ชีวิต ทุกคนเชื่อไหมคะว่าเสียงดนตรีมีพลังกว่าที่ทุกคนคิด หากถามว่าเสียงดนตรีมีพลังยังไงนะหรอ ต้องบอกว่ามนุษย์เชื่อว่า เสียงดนตรีช่วยฟื้นฟู เยียวยาจิตใจของเราได้ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เพราะคนในสมัยก่อนเชื่อกันว่าดนตรีสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้และยังเชื่ออีกว่าดนตรีจะสามารถปรับสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจของเราได้อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และทางจิตวิทยาที่บอกว่าการใช้ดนตรีบำบัดสามารถช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจมนุษย์ได้อย่างแท้จริง หลายคนเคยสงสัยไหมคะว่าทำไม เวลาเราได้ฟังดนตรีสบายๆ เราจะรู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกว่าความเครียดลดลงอย่างน่าประหลาด เหมือนมีกุญแจมาช่วยปลดล็อกความว้าวุ่นภายในใจให้เบาบางลง เสียงดนตรีธรรมดาที่ไม่มีคนร้อง แต่กลับกล่อมเกลาจิตใจ ให้สงบลง หรือปลุกพลังให้เรามีเอนเนอจีในตอนเช้า

Because truth is timeless

Because truth is timeless: เพราะการพูดความจริงแสดงถึงความจริงใจและรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคง

การพูดความจริงเป็นการแสดงถึงความซื่อสัตย์ จริงใจ และเป็นการโอบอุ้มความสัมพันธ์ให้มั่นคง ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” และคงไม่มีอะไรทำลายความจริงได้ใช่ไหมล่ะคะ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ต่อให้จะมีใครพยายามบิดเบือนความจริง แต่ความจริงก็ยังคงอยู่ และรอวันที่จะเปิดเผยออกมา  เราเปรียบความจริงกับท้องฟ้าที่ต้องผ่านพายุฝน ท้องฟ้าอาจจะมืดมน ไม่สดใส และมีเมฆมาปกคลุม แต่เมื่อพายุผ่านไปฝนหยุดตก ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสดั้งเดิม และบางครั้งอาจจะมีสายรุ้งที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นถึงความสวยงามด้วย ต่อให้ท้องฟ้าจะมืดมนขนาดไหนก็กลับมาสดใส เหมือนกับที่ไม่มีอะไรมาทำลายความจริงได้  หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าการพูดความจริงเป็นรากฐานที่จะทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงและยิ่งยืนนาน

half-year-resolution

Half-year resolution : บทเรียนชีวิตที่ได้จากครึ่งปีแรก

เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าเราพยายามทำต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้  เราจะเดินถึงเป้าหมายได้ในที่สุด เผลอแป๊ปเดียวพวกเราทุกคนเดินทางผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตอนต้นปีมีใครตั้งเป้าหมายอะไรไว้กันบ้างคะ? บางคนอาจเดินถึงเป้าหมาย บางคนกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ แต่เราเชื่อว่า บางคนรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไปในช่วงต้นปีอาจไม่ได้สำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้อาจเลือนรางเต็มที แต่ไม่เป็นไรเลย เพราะชีวิตคนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  ทุกคนรู้ไหมคะการตั้งเป้าหมายใหม่อาจไม่ได้หมายความว่าต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป แต่เราอาจจะนำสิ่งที่เราทำและอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มาทบทวน พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ เพราะเราเชื่อว่าความสำเร็จอาจจะไม่ได้เกิดจากครั้งแรกที่ลงมือทำ แต่ถ้าหากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เราจะเดินถึงเป้าหมายในที่สุดค่ะ คนเราทุกคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้