การโบกธงของ Rainbow Flag

อาจจะมีหลาย ๆ อย่าง ที่ทีมอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สามารถคุยข่มสโมสรอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ชั้น หรือความเป็น branding ของตัวเอง แต่เรื่องหนึ่งที่สาลิกาดง เหนือกว่าแมวดำแห่งย่านอีสานของอังกฤษ

ก็คือ การยอมรับ “ความหลากหลาย” ให้มาอยู่ในหมู่ชุมชนแฟนบอลมากกว่า (ทั้ง ๆ ที่ถ้าจะย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ซันเดอร์แลนด์ประกาศตัวเป็นพวกหัวก้าวหน้า จนนำมาซึ่งการจะโค่นล้มการปกครอง และนิวคาสเซิ่ลเลือกเป็นฝ่าย royalty จนเกิดความข้ดแย้งระหว่างสองสังกัด)

การแสดงตัวอย่างหนึ่งของแฟน ๆ นิวคาสเซิ่ล ที่เรียกตัวเองว่า Toon Army (เพี้ยนมาจากคำว่า town) ก็คือ การขายและปักธงฟุตบอล จากสีขาวดำเป็น “สีรุ้ง” ในบางนัด และวางขายหน้าสนาม แฟน ๆ ก็เอามาโบกในสนาม หน้าสนาม นอกสนาม โดยไม่รู้สึก “เคอะเขิน” แม้ว่าคนโบกจะไม่ใช่ LGBT

ภาพจาก Newcastle United

ไม่รู้สึกเคอะเขินหรือขวยเขิน เพราะโลกยุคใหม่อ้าแขนรับ “เพศทางเลือก” อย่างอบอุ่น ผ่านหลากหลายเรื่องราว ที่แสดงออกมาในช่วง 2-3 ปีหลัง เช่น พลุในบางเมืองช่วงปีใหม่ จุดขึ้นท้องฟ้าด้วยไฟสี rainbow ทางเข้าศูนย์การค้าทำพื้นเป็นสีรุ้งแบ่งเป็นเส้น ๆ แบรนด์เสื้อผ้าออกหมวก หรือกำไลที่เป็นสีนี้ หรือเสื้อกีฬา เสื้อวิ่ง เสื้อฟุตบอล ทำเวอร์ชั่นพิเศษ ด้วย rainbow kit

ถ้าโลกมีสายลม แสงแดด ก็ดูเหมือนว่า เพศทางเลือกหรือ LGBT จะมีฤดูกาลของตัวเองอย่างน่าสนใจ เพราะไม่ใช่หลายพื้นที่ปรับตัวต้อนรับอย่างไม่เดียดฉันท์ แวดวงบันเทิงซึ่งเป็นเสียงที่ง่าย เพราะเข้าถึงแมส ก็แสดงตัวอย่างเนียน ๆ กับเทรนด์และที่ทางตรงนี้

ไม่ต้องมองไปไกลจน “หรี่ตา” มาก …ช่วง 3-4 ปีมานี้ หนังในกลุ่ม LGBT movies ยกพลขึ้นบก และปีนป่ายขึ้นไปได้รางวัลอยู่เป็นระยะ ๆ รวมทั้งเข้าชิงแทบจะทุกปี ล่าสุดที่คว้าหนังเยี่ยมออสการ์ ก็มี moonlight ซึ่งเป็น LGBT movie อย่างชัดเจน ก่อนหน้านั้นนิดเดียวก็มี Carol ซึ่งติดอันดับต้น ๆ ของหนังกลุ่มนี้จากสำนัก Rotten Tomatoes

ภาพยนตร์เรื่อง Moonlight

ภาพจาก IMDb

ช่วงระหว่าง 3-4 ปีมานี้ เพศทางเลือก เป็นเทรนด์ที่หลายแบรนด์พยายามจะทำการตลาด อาจจะไม่ชัดมากในสังคมไทย เพราะสังคมเราต้องรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม และก็เหมือนจะเป็น “ตอนนี้” ที่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก มันมาถึงเวลาที่ “หันมามอง” มากกว่า “หมางเมิน” ไป

ถ้าจะพูดให้ลึกลง จริง ๆ ในบ้านเราก็มี voice ที่แอบเร้นอยู่มาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เช่น ใน hostel บางแห่ง มีการออกแบบดีไซน์ห้องพักแบบ LGBT หรือแบรนด์สินค้าบางชื่อ กล้าจะเป็น “สปอนเซอร์” จัดเทศกาลหนังภาพยนตร์กลุ่มนี้ แม้แต่แวดวงหนังโฆษณา น้ำอัดลมบางชื่อ ยัง test รสชาติสังคมไทย ด้วยการทำเรื่องราวแบบ LGBT

ภาพยนตร์โฆษณา LGBT เรื่อง I STORIES โดย Honda

รูปภาพจาก Honda

ผมคิดว่า “เพศทางเลือก” ก็คือ “ส่วนหนึ่ง” ของเทรนด์ใหญ่อย่าง D&I หรือ diversity and inclusion ซึ่งเป็นแนวทางอันว่าด้วยการยอมรับในความหลากหลาย ไม่ว่าจะแตกต่างมาจากสีผิว เชื้อชาติ หรืออะไรก็ตาม การมีอยู่ของความหลากหลาย กลายเป็น policy ในบางบริษัท เพราะโลกรับรู้ว่า นี่คือสิ่งจำเป็น (โดนัล ทรัมป์ อาจจะสำลักนิดหน่อยเวลาอ่านบทความนี้)

ถ้า diversity เป็นร่มคันใหญ่ LGBT ก็อยู่ใต้ร่มคันนี้นี่เอง

นักวิจารณ์บางคนของต่างประเทศเคยมองด้วยซ้ำว่า เหตุผลหนึ่งที่ “ออสการ์” ไม่ตกไปจากเวทีโลกแบบ รางวัล “แกรมมี่” ก็เพราะหลายปีมานี้ สำนักออสการ์เปิดรับ LGBT ไปก่อนจากหนังเข้าชิง หนังได้รางวัล และพอโดนมรสุมจากเรื่องเพศจนเจอติดแฮชแทค หลายชื่อ ทั้ง OscarSowhite มาจนถึง Metoo

ออสการ์ซึ่งบอบช้ำมาก ก็ได้เรียนรู้ ก้าวข้าม แล้วเปิดประกาศรับ committee เป็นผู้หญิงมากขึ้น เป็นคนผิวสีมากขึ้น เพื่อพาแบรนด์เดินเข้าสู่พรม diversity นั่นเอง

Troye Sivan ศิลปิน LBGT ที่กำลังเป็นกระแสทั้งในวงการเพลงและวงการแฟชั่น

ภาพจาก  Time

นี่ยังไม่นับ แวดวงแฟชั่น ที่เปิดรับดีไซเนอร์ผิวสีให้มาทำงานมากขึ้น เพราะกลุ่ม LGBT ปักหลักอยู่ในนั้นเนิ่นนานแล้ว

ฝนฟ้ามรสุมที่ซัดใส่ประเทศไทยยามนี้ จึงมีข่าวดีว่า เมื่อมันสงบลง จะมีสายลมแสงแดด ระยิบระยับเหมือนสีรุ้ง ที่จะมาหลังฝนเสมอ ป็น “สีรุ้ง” ที่จะไม่ใช่แค่พาดผ่านท้องฟ้า แต่ “ทาบทา” ในใจคน… 

 

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pride Month ได้ ที่นี่

Related Articles

Live Equally, สมรสเท่าเทียม, Love Wins Sansiri

เมื่อความรักไม่มีข้อจำกัด จินตนาการใหม่ของหนัง LGBTQIA+ ยุค #สมรสเท่าเทียม

 จากจอภาพยนตร์สู่โลกแห่งความจริง ยุคสมรสเท่าเทียม จากภาพยนตร์ LGBTQIA+ ที่เราคุ้นเคย กำลังจะถูกเขียนบทใหม่ เมื่อประเทศไทยก้าวสู่ยุคแห่งความเท่าเทียมทางเพศ คู่รักทุกคู่จะมีสิทธิ์สมรสอย่างถูกต้องมาร่วมกันจินตนาการถึงเรื่องราวความรักในภาพยนตร์เหล่านี้ ถ้าหากตัวละครได้มาอยู่ในยุคที่มีกฎหมายรองรับ ความสุข ความฝัน การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จะงดงามเพียงใด โดยกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป แสนสิริขอร่วมยินดีกับก้าวสำคัญของประเทศไทยสู่การยอมรับความรักทุกรูปแบบ เพราะเราเชื่อว่า

“Pride month” ประตูเปิดรับสู่ความเท่าเทียม

“Pride month” ประตูเปิดรับสู่ความเท่าเทียม

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเดือนมิถุนายนถือเป็นเดือน “Pride month” ซึ่งเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มคน LGBTQIA+ ทั่วโลก วันนี้ Sansiri blog จะพาทุกคนย้อนถึงจุดเริ่มต้นของ “Pride month” ในประเทศไทย รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่มีความสำคัญในอดีตถึงปัจจุบันในการออกมาแสดงออกเรียกร้องสิทธิ์ของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศกันค่ะ  ไม่ได้มีข้อมูลอย่างชัดเจนว่างาน “Pride” ในประเทศไทยเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนแต่ย้อนกลับไป เมื่อปี ค.ศ.

pride month-live equally-สมรมเท่าเทียม

สมรมเท่าเทียม: ไม่ใช่ความสุขของใคร แต่เป็นสุข (ของ) สาธารณะ

เมื่อสังคมโลกเต็มไปด้วยความหลากหลาย เราสามารถมอบโอกาสให้ทุกคนมีสุขอย่างเท่าเทียมได้รึเปล่า? ตลอดเดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งสายรุ้ง เป็นเดือนของการเฉลิมฉลอง Pride Month เทศกาลแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) แม้ว่า Pride Month จะมีจุดเริ่มต้นที่ไม่สวยงามเหมือนขบวนพาเหรดที่ถูกจัดขึ้นในหลายๆ ประเทศ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างโอกาสให้กับทุกคนไม่ว่าจะเพศไหน ให้ออกมาแสดงตัวตนและเรียกร้องในสิทธิที่ถูกลดทอนเพียงเพราะตนนั้น “แตกต่าง” สำหรับบางคน “สมรสเท่าเทียม” อาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ไม่กระทบต่อชีวิต