ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการทานอาหารสำคัญกับมนุษย์เรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะสุขภาพของเราจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับการทานอาหารของเรา ขอแค่เราเปลี่ยนการทาน ชีวิตของเราก็เปลี่ยนได้นะคะ
ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราแทบทุกคนทานอาหารแปรรูปกัน ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ หลายคนคงสงสัยว่าระหว่าง Whole Food กับ Processed Food คืออะไรและแตกต่างกันยังไงใช่ไหมล่ะคะ
Whole Food คือ อาหารที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูป หรือแปรรูปน้อยที่สุด ทำให้สารอาหารและวิตามินยังอยู่ครบถ้วน แต่ Processed Food คือ อาหารที่แปรรูป ที่ทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิม เติมสี เติมกลิ่นทำให้เรารู้สึกอร่อยขึ้นและเก็บได้นานขึ้น
แต่เราจะบอกว่าอาหารแปรรูปไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไปนะคะ เพราะอาหารแปรรูปก็มีข้อดีเหมือนกัน เรามองว่าการทานอาหารเราทุกคนต้องทานอย่างมีความสุข ปลอดภัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และการทานอาหารที่ดีอาจจะไม่จำเป็นต้องเลิกทาน Processed Food แต่เป็นการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการทานในชีวิตประจำวันค่ะ
วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาหาคำตอบว่า Whole Food VS Processed Food แตกต่างกันยังไง รู้ไหม? การทาน Processed Food มีผลต่ออารมณ์และฮอร์โมนในร่างกายอย่างไร ทำไม Processed Food บางชนิดมีประโยชน์ ต่อคนที่ขาดสารอาหาร รู้ไหม? หากทาน Processed Food มากเกินไป อาจมีความเสี่ยงหลายโรค และ การทาน Whole Food และ Processed Food มีข้อดี – ข้อเสียยังไงกันค่ะ


Q : Whole Food VS Processed Food แตกต่างกันยังไง
A : Whole Food อาหารที่ยังไม่ได้ผ่านการแปรรูป หรือแปรรูปน้อยที่สุด ไม่ได้ทำให้คุณค่าทางสารอาหารหายไป เช่น ผักผลไม้สด เนื้อสัตว์ ไข่ นม ฯลฯ ในขณะที่ Processed Food อาหารที่ผ่านการแปรรูป เติมแต่งรสชาติให้เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม หรือทำให้อยู่ได้นานขึ้น
ทุกคนอาจจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่าระหว่าง Whole Food กับ Processed Food แตกต่างกันยังไง เราจะพาทุกคนมาหาคำตอบกัน
Whole Food คือ อาหารที่ยังไม่ได้ผ่านการแปรรูปหรืออาจจะผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุด ซึ่งไม่ได้ทำให้คุณค่าทางสารอาหารหายไป เช่น ผักผลไม้สด เนื้อสัตว์ ไข่ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็น การแช่ในตู้เย็น การอบแห้ง การบด การพาสเจอร์ไรส์ การใส่กล่องสุญญากาศ เพื่อช่วยให้เก็บอาหารได้นานขึ้นและปลอดภัยต่อการทาน เช่น โยเกิร์ตจากธรรมชาติที่ไม่เติมน้ำตาล นม ชา กาแฟ หรือแม้กระทั่งพาสต้าสด จะจัดอยู่ในกลุ่ม Whole Food อ้างอิงข้อมูลตามหลัก มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
หลายคนอาจจะสงสัยว่า โยเกิร์ต นม ชา กาแฟ ไม่จัดอยู่ใน Processed Food หรอ?
เราจะบอกว่าขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใส่ลงไป เช่น ถ้าเป็นโยเกิร์ตจากธรรมชาติผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยจะเป็น Whole Food แต่ถ้าโยเกิร์ตรสมะพร้าว เติมกลิ่น เติมความหวานจะจัดอยู่ในกลุ่ม Processed Food
Processed Food คือ อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ที่ทำให้คุณค่าทางอาหารลดลง อาจมีการเติมแต่งรสชาติ เช่น ใส่สีผสมอาหารให้ดูน่าทาน ทำให้เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม หรือทำให้อยู่ได้นานขึ้น เช่น แฮม ไส้กรอก ขนมปัง ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีอาหารแปรรูปขั้นสุด หรือ Ultra-Processed Food คือ อาหารที่มีกระบวนการแปรรูปมากกว่าหนึ่งขั้นตอน ไม่ได้มีคุณค่าทางอาหารมากนัก เช่น มันฝรั่งทอด คุกกี้ น้ำอัดลม ฯลฯ อีกด้วยค่ะ

Q : รู้ไหม? การทาน Processed Food มีผลต่ออารมณ์และฮอร์โมนในร่างกายอย่างไร
A : การทานอาหารแปรรูป จะทำให้อารมณ์แปรปรวนมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารหรือขนมที่มีความหวานสูง
ทุกคนรู้ไหมว่าการทาน Processed Food มากๆ มีผลทำให้อารมณ์และฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนได้จริง โดยเฉพาะอาหารหรือขนมที่มีความหวานสูง เพราะแท้จริงแล้วการทานอาหารมีผลต่อการทำงานของสมองและการผลิตฮอร์โมนซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ของเรานั่นเองค่ะ
การที่เราทานน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้ร่างกายควบคุมอินซูลินได้แย่ลง ซึ่งเว็บไซต์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้ระบุว่า มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่าการทานน้ำตาลทรายขาวจะทำให้ โรคซึมเศร้าแย่ลงอีกด้วย และหากทานอาหารหรือขนมที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไปจะทำให้น้ำตาลสูงขึ้น ส่งผลให้ร่างกายต้องหลั่งอินซูลินออกมาเพื่อลดระดับน้ำตาลลง การที่ระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่ออารมณ์ทำให้อาจจะรู้สึกอ่อนเพลีย อารมณ์เสีย หงุดหงิดมากขึ้น รวมถึงสมาธิลดลงอีกด้วย
นอกจากนี้การทานอาหารหรือขนมที่ทำมาจากน้ำตาลเป็นเวลานาน จะทำให้รบกวนการหลั่งของสารโดปามีน (เป็นสารที่เวลาเรารู้สึกพึงพอใจสมองจะหลั่งสารนี้ออกมา) ซึ่งการทานน้ำตาลมากๆ จะทำให้การหลั่งของโดปามีนเสียสมดุล แล้วจะส่งผลต่อความสุขในชีวิตของเราได้ค่ะ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการทาน Processed Food ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนมที่มีน้ำตาลมากเกินไป ทำให้อารมณ์แปรปรวนได้นั่นเองค่ะ

Q : ทำไม Processed Food บางชนิดมีประโยชน์ต่อคนที่ขาดสารอาหาร
A : เพราะ ได้มีการนำแร่ธาตุและวิตามิน ไปผสมในอาหารแปรรูป
เช่น เกลือผสมไอโอดีน ซีเรียลหรือแป้งผสมธาตุเหล็ก แป้งผสมโฟเลต ฯลฯ
เพื่อช่วยคนที่ขาดแคลนสารอาหาร
หลายคนคงเข้าใจว่าการทาน Processed Food ไม่มีประโยชน์ แต่ที่จริงหากเราเอา Processed Food ไปผสมกับแร่ธาตุหรือวิตามินบางชนิดจะมีประโยชน์ เพราะสามารถช่วยคนที่ขาดแคลนสารอาหารได้ รวมถึงสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตด้วย โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “การเสริมสารอาหาร” หรือ “food fortification”การเสริมอาหารยังได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่า การเสริมอาหารสามารถช่วยคนที่ขาดสารอาหารได้จริงอย่างเป็นที่ประจักษ์
เช่น เกลือผสมไอโอดีน จะช่วยไม่ให้เป็นโรคคอพอก และไอโอดีนจะช่วยพัฒนาสมอง ระบบประสาทและเมแทบอลิซึมของร่างกาย หากผู้หญิงท้องทานเข้าไปจะช่วยลดความเสี่ยงของเด็กทารกที่จะเกิดมามีปัญหาทางด้านพัฒนาการหรือสติปัญญานั่นเอง
ซีเรียลหรือแป้งผสมธาตุเหล็ก จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะเลือดจาง เพราะถ้าเหล็กถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง การทานซีเรียลหรือแป้งผสมธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดไม่ให้เกิดภาวะเลือดจางนั่นเองค่ะ
แป้งผสมโฟเลต สำคัญกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะการได้รับโฟเลตจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความพิการแต่กำเนิดของสมองและไขสันหลังค่ะ
ทั้งนี้การทาน Processed Food ที่กล่าวมาข้างต้น หากเป็นโรคบางอย่างก็ไม่สามารถทานได้ หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนค่ะ

Q : รู้ไหม? หากทาน Processed Food มากเกินไป อาจมีความเสี่ยงหลายโรค
A : โรคมะเร็ง อ้วน เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจ ปัญหาการนอนหลับ โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ฯลฯ
ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการทาน Processed Food เป็นผลเสียต่อสุขภาพและทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เราจึงจะพาทุกคนมาดูกันว่าการทาน Processed Food จะสามารถก่อให้เกิดโรคอะไรได้บ้างดังต่อไปนี้ค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง เบาหวาน ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เส้นเลือดในสมองแตก โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคสมองเสื่อม ไขมันพอกตับ โรคลำไส้อักเสบ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าการทานอาหารส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างแท้จริง เราจะมีสุขภาพที่แข็งแรงหรือจะเป็นโรค ปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งก็มาจากการเลือกทานอาหารของเรานั่นเองค่ะ เราทุกคนต้องเลือกทานอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของเรานะคะ

Q : การทาน Whole Food และ Processed Food
มีข้อดี – ข้อเสียยังไง
A : Whole Food
ข้อดี ลดความเสี่ยงในการเป็นโรค ให้สารอาหารครบถ้วน
ข้อเสีย อาจทำให้ขาดสารอาหารบางอย่าง
หากทานมากเกินไปอาจจะทำให้ท้องอืดหรืออ้วนได้
Processed Food
ข้อดี เก็บอาหารไว้ได้นาน ช่วยคนที่ขาดสารอาหาร
สะดวกหาง่ายได้ในท้องตลาด ฯลฯ
ข้อเสีย อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากทานมากเกินไป
เราว่าการทานอาหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารที่แปรรูปหรือไม่แปรรูป ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเสมอ เราทุกคนควรเลือกทานอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อจะส่งผลดีต่อสุขภาพของเรานะคะ วันนี้เราจะพามาดู ข้อดี – ข้อเสีย Whole Food และ Processed Food กันค่ะ
Whole Food
ข้อดี : ลดความเสี่ยงของการเป็นโรค เพราะอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้คนที่ทานมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ตามมา
ข้อเสีย : ถึงแม้ทาน Whole Food ที่มีประโยชน์แต่หากทานมากเกินไปท้องจะอืดแล้วก็ป่วยได้เหมือนกันหรือเป็นโรคอ้วนได้เหมือนกัน ทุกคนลองคิดดูสิ ขนาดวัวทานแต่หญ้ายังอ้วนได้เลย ดังนั้น เราไม่ควรทานอาหารมากเกินไป ถึงจะเป็น Whole Food ก็ตาม
Processed Food
ข้อดี : ทุกคนรู้ไหมว่า การทาน Processed Food ทำให้อาหารเก็บได้นานขึ้น มีรสชาติอร่อย หรือช่วยคนที่ขาดสารอาหารได้ (ตามข้อมูล P3) อาหารแปรรูปสามารถหาง่ายได้ในท้องตลาด
ข้อเสีย : ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการทาน Processed Food ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก แล้วก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ค่ะ
การเลิกทานอาหารที่ดีและมีความสุข คือการเลือกทานอาหารอย่างเหมาะสมนะคะ
Source
https://nutritionsource.hsph.harvard.edu/processed-Foods/
https://www.nyc.gov/site/doh/health/health-topics/whole-Foods
https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/Foods-that-fight-inflammation
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article
https://www.cdc.gov/folic-acid/about/?CDC_AAref_Val=https://www.cdc
.gov/ncbddd/folicacid/about.html

