การมีบ้านเป็นของตัวเอง คือรางวัลใหญ่ของชีวิตคนวัยทำงาน
แถมยิ่งเติบโตขึ้น ความจำเป็นที่ต้องมีบ้านก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แต่หลายคนก็เกิดคำถามว่า มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ต้องรอให้ฐานเงินเดือนสูงก่อนรึเปล่าถึงจะซื้อบ้านได้? ที่จริงแล้วถึงจะอยู่ในช่วงกำลังเติบโต มีเงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาท ก็สามารถมีบ้านเพื่อเติมเต็มอนาคตของตัวเองได้!
ไม่ว่าจะเป็น First jobber หรือคนที่ฐานเงินเดือนยังไม่สูงมาก ทุกคนก็มีสิทธิ์กู้ซื้อบ้านผ่านได้ เพียงแค่ต้องวางแผนการเงินให้ดี ถ้าอยากรู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไง ควรเลือกบ้านแบบไหน มาค่อยๆ เตรียมไปทีละสเต็ปด้วยกันเลย
รักษาประวัติการเงินให้ดี ไม่มีหนี้เครดิตบูโร
ไม่ว่าจะทำธุรกรรมประเภทไหน การมีเครดิตดีก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนั้น ใครที่กำลังวางแผนกู้ซื้อบ้าน ควรสร้างประวัติการเงินไว้ให้สวยงามตั้งแต่เนิ่นๆ เริ่มได้จากเรื่องพื้นฐานที่สุด คือการเดินบัญชีนั่นเอง ในช่วง 6 เดือนก่อนยื่นขอกู้ ควรมีเงินคงเหลือไว้ในบัญชีตลอดเวลา และควรมีรายรับเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพราะธนาคารจะขอดูการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน ถ้าเห็นว่ารายได้มั่นคงก็จะอนุมัติได้ง่ายขึ้น
จัดการเรื่องการเดินบัญชีเสร็จแล้ว ก็ต้องเคลียร์ประวัติหนี้สินให้เรียบร้อย โดยธนาคารจะตรวจสอบข้อมูล “เครดิตบูโร” ซึ่งก็คือหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และค่าผ่อนชำระต่างๆ ของเรา ธนาคารส่วนใหญ่จะเช็กเครดิตบูโรย้อนหลัง 2 ปี ควรชำระหนี้ให้ตรงเวลาและครบถ้วนทุกครั้ง ต้องระวังไม่ให้มีประวัติเบี้ยวหนี้ ชำระหนี้ช้า ชำระหนี้ไม่ครบ หรือติด Blacklist ไม่อย่างงั้นจะยิ่งอนุมัติผ่านยาก
ที่สำคัญ อย่าลืมปิดบัญชีหนี้อื่นๆ ให้หมดก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน เพราะหนี้เหล่านี้จะทำให้เราได้วงเงินกู้ต่ำลง และถึงแม้จะไม่เคยมีประวัติเบี้ยวหนี้มาก่อน แต่ถ้าเรามีหนี้เหลือต้องผ่อนชำระจำนวนมาก ธนาคารอาจจะประเมินว่าเราไม่สามารถแบ่งเงินมาจ่ายค่าสินเชื่อบ้านได้ จนอาจจะไม่อนุมัติให้กู้ในที่สุด
ต้องเช็กความสามารถในการกู้ รู้วงเงินที่จะได้
มาถึงขั้นตอนเตรียมเลือกบ้านของเรา แต่ก่อนจะตามหาบ้านที่ใช่ ต้องรู้ความสามารถในการกู้ของตัวเองและวงเงินกู้ซะก่อน เพราะถ้าเลือกบ้านที่ราคาแพงเกินความสามารถ ธนาคารมีแนวโน้มจะไม่อนุมัติ
1. ขั้นตอนแรก เรามาคำนวณหาความสามารถในการผ่อน ซึ่งธนาคารจะประเมินว่าสามารถผ่อนได้เป็นเงินจำนวน 40% ของรายได้ต่อเดือน (รายได้หลังหักภาระหนี้สินออกแล้ว)
สูตรคำนวณ: (เงินเดือน x 40%) – ภาระหนี้สิน = ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือน
สมมติว่าเราได้เงินเดือน 19,000 บาท และมีภาระหนี้สินอื่นๆ อยู่ 2,000 บาทต่อเดือน ธนาคารก็จะประเมินว่าเรามีความสามารถในการผ่อน 5,600 บาทต่อเดือนนั่นเอง
2. ขั้นตอนที่สอง ถึงเวลาคำนวณวงเงินกู้ที่เราน่าจะได้รับ เพื่อจะได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกบ้านให้อยู่ในงบของเรา
สูตรคำนวณ: (ความสามารถในการผ่อนต่อเดือน x 1,000,000) ÷ 7,000 = วงเงินกู้สูงสุดที่น่าจะได้
จากสูตรนี้ ถ้าเราได้เงินเดือน 19,000 บาท ธนาคารน่าจะอนุมัติวงเงินกู้ให้เราประมาณ 8 แสนบาท แต่เนื่องจากเงื่อนไขของแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน วงเงินที่ได้จริงก็อาจจะแตกต่างกันไปเล็กน้อย
เมื่อรู้ทั้งค่าผ่อนต่อเดือนและวงเงินกู้แล้ว เราก็จะเลือกบ้านได้ง่ายขึ้นจากเกณฑ์ราคา และยังช่วยให้วางแผนการเงินในอนาคตได้ สิ่งสำคัญคือต้องวางแผนว่าจะสามารถผ่อนชำระบ้านได้ครบทุกเดือน โดยที่ไม่เบียดเบียนค่าใช้จ่ายส่วนอื่นจนเกินไป
เลือกบ้านที่ชอบ ในงบที่ใช่
ส่วนใหญ่แล้ว บ้านที่ราคาเอื้อมถึงได้มักจะเป็นบ้านทาวน์โฮม ซึ่งหลายโครงการก็สะดวกสบาย และมีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่ดีไม่แพ้ทาวน์โฮม นอกจากเดินทางง่ายแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นครับครัน
แน่นอนว่าตัวเลือกของทั้งทาวน์โฮมและคอนโดมีเยอะมาก แต่บางครั้งก็ละลานตาจนเลือกแทบไม่ถูก ถ้าไม่รู้จะเริ่มเลือกจากตรงไหน ลองเริ่มจากโครงการบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดจากแสนสิริ ในราคาเอื้อมถึงได้ง่ายกับระดับเงินเดือน ครบทั้งทำเลดีดี และการอยู่อาศัยคุณภาพในแบบแสนสิริ
• สิริ เพลส ทาวน์โฮมดีไซน์โดดเด่นที่มาพร้อมฟังก์ชั่นครบครัน เริ่มเพียง 1.99 ล้าน*
• อณาสิริ บ้านและทาวน์โฮมที่มาพร้อมกับความพอดี ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ เริ่ม 2.19 ล้าน*
• ดีคอนโด คอนโดทำเลดี ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ เป็นทั้งอยู่อาศัยและพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ เริ่มเพียง 1.59 ล้าน*
• คอนโดมี คอนโดราคาเอื้อมถึงได้ง่าย ครบ จบในที่เดียว มอบทั้งพื้นที่ใช้สอยและเฟอร์นิเจอร์พร้อมใช้ เริ่มแค่ 990,000 บาท*
• เฮย์ หัวหิน คอนโดใจกลางหัวหิน ดีไซน์เรียบง่ายแต่สดใสเหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง เริ่ม 1.39 ล้าน*
ผู้กู้ร่วม ตัวช่วยดีๆ ที่ควรมองหาไว้
ถ้าลองคิดคำนวณดูแล้ว บ้านที่เรามองหาอาจเกินงบไปหน่อย ลองมองหาตัวช่วยอย่าง ‘ผู้กู้ร่วม’ เพื่อเป็นผู้ที่จะมาช่วยเราจ่ายหนี้ค่าผ่อนบ้านนั่นเอง โดยสามารถมีผู้กู้ร่วมได้สูงสุด 2 คน การมีผู้กู้ร่วมจะช่วยให้ธนาคารอนุมัติง่ายขึ้น หรือให้วงเงินเราสูงขึ้น ซึ่งคนที่จะมาเป็นผู้กู้ร่วมได้ ต้องเป็นบุพการี เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน หรือเป็นคู่สมรส และปัจจุบันนี้ คู่รัก LGBTQ+ ก็สามารถกู้ร่วมกันได้แล้วเช่นกัน เพราะหลายธนาคารได้ปรับเงื่อนไขให้คู่รักเพศเดียวกันกู้ร่วมได้เหมือนคู่รักชายหญิงแล้ว แต่เงื่อนไขของแต่ละที่อาจจะต่างกันไป
การกู้ซื้อบ้านด้วยวิธีการกู้ร่วม สามารถทำได้ 2 แบบ คือ
1. กรรมสิทธิ์บ้านเป็นชื่อของคนเดียว แต่ผู้กู้ร่วมเข้ามาช่วยผ่อนชำระหนี้
2. กรรมสิทธิ์บ้านเป็นชื่อของผู้กู้ร่วมทุกคน
ในการกู้ร่วม ธนาคารจะประเมินวงเงินกู้จากรายได้รวมกันของทุกคนที่ขอกู้ร่วม ทำให้กู้วงเงินได้สูงขึ้นกว่ากู้คนเดียวพอสมควร บ้านในฝันก็ไม่เกินเอื้อมอีกต่อไป แต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมวางแผนให้รอบคอบก่อน เพื่อป้องกันปัญหาระหว่างผู้กู้ร่วมในอนาคต
ปรึกษากู้ซื้อบ้าน นึกถึงบริการจาก Sansiri Home Financial Planner
เมื่อเจอปัญหาในการกู้ซื้อบ้าน คิดหาทางออกไม่เจอ อย่าเพิ่งถอดใจ! เพราะทุกข้อจำกัดอาจปลดล็อกได้ เพราะเข้าใจความรู้สึกทุกคนที่อยากมีบ้าน แสนสิริจึงมีบริการ Sansiri Home Financial Planner พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเงินและการซื้อบ้านอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่ขั้นตอนกู้ซื้อบ้านเท่านั้น แต่เราจะช่วยคุณวางแผนตั้งแต่ขั้นตอนออมเงินอย่างถูกวิธีเพื่อซื้อบ้าน การจัดเตรียมเอกสาร และช่วยประสานกับธนาคารด้วยเทคนิคที่จะช่วยให้คุณได้รับอนุมัติไว พร้อมช่วยคุณหาดอกเบี้ยและข้อเสนอที่ดีที่สุด
Sansiri Home Financial Planner สั่งสมประสบการณ์และเทคนิคกู้ซื้อบ้านมามากมาย เพื่อให้คุณวางใจว่าว่าบ้านหลังแรกในชีวิตจะไม่หลุดมือไปแน่นอน ปรึกษาการกู้ซื้อบ้านแสนสิริได้เลยที่ Sansiri.com/thai/home-financial-planner