Vitamin C

Vitamin C มีดีแค่ไหน?
ความจริง และ ความเชื่อ
ที่สายสุขภาพต้องรู้

“วิตามินซี” หรือ กรดแอสคอร์บิก เป็นหนึ่งในสารอาหารที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากที่สุด หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ทานวิตามินซีทุกวันจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ทำให้เป็นหวัด ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง กระจ่างใส และยังช่วยให้เราไม่แก่ก่อนวัยอันควรอีกด้วย นอกจากนี้ วิตามินซียังมีคุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายอีกหลายประการ วิตามินซีจึงไม่ได้เป็นแค่สารอาหารธรรมดา แต่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน

ท่ามกลางความจริงและความเชื่อที่ถูกพูดถึงกันมาอย่างยาวนาน ทำให้หลายคนได้เข้าใจว่าสารอาหารเล็กๆ อย่างวิตามินซี เป็นสารอาหารที่ทรงพลัง ที่จะทำให้เราทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แต่ภายใต้ความเชื่อนั้น กลับพบว่ามีข้อเท็จจริงบางประการที่อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีการศึกษาวิจัยพบว่า การทานวิตามินซีไม่สามารถช่วยป้องกันหวัดได้ แต่อย่างไรก็ตาม วิตามินซียังมีคุณสมบัติอีกหลายประการที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราค่ะ

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาค้นหาคำตอบระหว่าง ความจริง VS ความเชื่อที่เกี่ยวกับวิตามินซีที่ทุกคนควรรู้ เพื่อจะได้ทานวิตามินซีให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันค่ะ

Vitamin C

Vitamin C

MYTHS : ทาน Vitamin C ช่วยป้องกันหวัดได้
FACT : ช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการ และช่วยให้หายเร็วขึ้น

เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคนพูดว่า ทานวิตามินซีสิ จะได้ไม่เป็นหวัดกันใช่ใหมล่ะคะ แล้วทุกคนเชื่อไหมคะ? เราเป็นคนหนึ่งที่เชื่อแล้วทำตาม จนไปเจอบทความหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ health.harvard.edu เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาด ได้ระบุว่า ในปี ค.ศ. 1970 ได้มีผลการวิจัยออกมา โดยระบุว่าการทานวิตามินซีสามารถป้องกันการเกิดหวัดได้ แต่ในช่วงเวลาต่อมา ได้มีงานวิจัยออกมาหักล้างความเชื่อนั้น โดยระบุว่า การทานวิตามินซีไม่สามารถป้องกันหวัดได้ แต่การทานวิตามินซีสามารถช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการหวัดได้และช่วยทำให้เราหายจากอาการหวัดเร็วขึ้นด้วยค่ะ สะท้อนให้เห็นว่า แม้การทานวิตามินซีจะไม่ได้ช่วยป้องกันการเกิดหวัด แต่การทานวิตามินซีก็ช่วยบรรเทาอาการความรุนแรงของหวัดให้ลดลงและช่วยให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรงมากขึ้นนะคะ 

Vitamin C

MYTHS : Vitamin C ไม่ได้มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
FACT :  Vitamin C ช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวที่ต่อสู้กับเชื้อโรคให้ทำงานได้ดีขึ้น 

ทุกคนรู้ไหม ถึงวิตามินซีจะไม่ได้ป้องกันการเกิดหวัด แต่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพราช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์ฟาโกไซต์ เช่น นิวโทฟิว ซึ่งเป็นตัวดักจับเชื้อโรค อีกทั้งวิตามินซียังสามารถทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวไปยังบริเวณเชื้อโรคได้เร็วขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ฯลฯ

นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายในอีกหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็น การสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ริ้วรอยจางลง ทำให้ดูอ่อนวัย รวมถึงช่วยทำให้แผลหายเร็วและยังช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงอีกด้วยค่ะ

Vitamin C

MYTHS :  สามารถทานเท่าไรก็ได้ ไม่เป็นอันตราย
FACT :  ไม่ควรทาน Vitamin C เกิน 2,000 มก. ต่อวัน อาจจะเกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย

หลายคนอาจจะมีความคิดว่า ทานวิตามินซีเยอะๆ ได้ ไม่เป็นไร ยิ่งทานเท่าไร ยิ่งดีต่อร่างกายมากเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง

ในหนึ่งวันเราไม่ควรทานวิตามินซีเกิน 2,000  มิลลิกรัม เพราะการทานวิตามินซีมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย รวมถึงอาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนิ่วในไต่อีกด้วยค่ะ

Vitamin C

MYTHS : ทาน Vitamin C ในปริมาณมาก ร่างกายจะดูดซึมได้ดีขึ้น
FACT : ร่างกายดูดซึม ได้ไม่เกิน 400 มก. ต่อการทาน 1 ครั้ง จึงควรทาน 2 – 6 ครั้งต่อวัน

 การทานวิตามินซีเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อร่างกายและเราควรทานในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราควรแบ่งทาน ครั้งละ 500 มิลลิกรัม โดยจะทาน 2 – 6 ครั้ง ต่อวัน เพราะการทานวิตามินซีในแต่ละครั้งร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 400 มิลลิกรัมเท่านั้นเองค่ะ

Vitamin C

MYTHS : ส้มมี Vitamin C สูงที่สุด
FACT : อะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มี Vitamin C สูงที่สุด อยู่ที่ 1,500-4,500 มก. ต่อ 100 ก.

หลายคนอาจจะคิดว่าส้มมีวิตามินซีสูงที่สุด แต่แท้จริงแล้วนั้น ผลไม้ที่มีวิตามินสูงที่สุดคือ “อะเซโรล่าเชอร์รี่”

อะเซโรล่าเชอร์รี่เป็นผลไม้ผลเล็ก ที่มีวิตามินซีสูงจนถูกเรียกว่า “ราชินีแห่งวิตามินซี”เลยนะ โดยผลสดจะมีวิตามินซีอยู่ที่ 1,500 – 4,500 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ซึ่งมากกว่ามะนาวหรือส้ม ประมาณ 50 – 100 เท่าเลยทีเดียว แต่ในประเทศไทยผลไม้ชนิดนี้อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและหายาก แต่เราก็สามารถทานผลไม้อื่นแทนได้ เช่น ส้ม มะนาว กีวี่ สตอเบอรี่ หรือบรอกโคลี่ ฯลฯ การทานผักและผลไม้สดจะช่วยให้เรานั้นได้รับวิตามินซีมากกว่าการทานผักและผลไม้ที่ไม่สด

เรายังเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ทานวิตามินซีแบบแคปซูลเป็นอาหารเสริม เพื่อจะให้ได้สารอาหารที่เพียงพอกับที่ร่างกายของเราต้องการ อย่างไรก็ตาม การที่ได้รับวิตามินซีจากผักหรือผลไม้จากธรรมชาติถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่านะคะ แต่การทานวิตามินซีแบบแคปซูลก็มีข้อดีที่ช่วยให้เราประหยัดเวลาและได้วิตามินซีที่เหมาะสมกับร่างกายค่ะ

ถึงการรับประทานวิตามินซีจะไม่สามารถป้องกันหวัดได้ แต่การทานวิตามินซีก็สามารถช่วยบรรเทาอาการของหวัดได้ รวมถึงวิตามินซียังมีประโยชน์อีกมากมาย ดังนั้นเราคนทานวิตามินซีทุกวันเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของเราเองนะคะ


Source

https://www.health.harvard.edu/nutrition/myths-and-truths-about-vitamin-c 

https://www.phyathai.com/th/article/3268-how-much-vitamin-c-is-good-for-the-immune-system 

https://www.exta.co.th/vitamin-c-benefits-how-to-take/

Related Articles

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง

ChatGPT

ChatGPT AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก  แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้ ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด