ChatGPT AI
ที่ไม่มีความรู้สึก
แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน
ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก
 แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้

ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด บรรเทาความเหงา และเป็นกระจกสะท้อนความคิดของเราได้ 

จากการสำรวจของสถาบัน Sentio ในอเมริกาพบว่า 63% ของคนที่ใช้ AI chatbot พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้จริง และยังพบอีกว่า 87% บอกว่าคำแนะนำที่ให้ปฏิบัติมีประโยชน์กับผู้คน หลายคนชอบใช้ ChatGPT ปรึกษาปัญหา เพราะเป็นเพื่อนคุยที่ไม่ตัดสิน ให้กำลังใจในเชิงบวก มีทัศนคติที่ดี ทำให้เรามองเห็นมุมมองใหม่ๆ ที่เราอาจจะไม่ค่อยมองเห็นมาก่อน ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ และยังมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นของ Therabot พบว่า การจำลองสถานการณ์ ช่วยลดความวิตกกังวลได้ 31% นอกจากนี้ยังลดอาการซึมเศร้าถึง 51% ด้วยค่ะ

แต่เราต้องบอกก่อนว่า AI เยียวยาจิตใจเราได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น ChatGPT ไม่สามารถบำบัดรักษา ผู้ที่ต้องได้รับการดูแลจิตใจอย่างจริงจัง เช่น ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคแพนิก หรือคนที่ต้องการจบชีวิตตัวเองลง ฯลฯ ที่ต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตใจโดยตรง เพราะ ChatGPT ไม่สามารถให้คำปรึกษาเชิงลึกหรือปัญหาที่ซับซ้อน เนื่องจาก ChatGPT จะตอบคำถามตามข้อมูลที่ถูกสอนมาและเก็บอยู่ในคลังข้อมูลหรือดึงจากเว็บไซต์เท่านั้น แต่ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนมนุษย์

วันนี้ Mental Life by Chanisara ชวนทุกคนมาหาคำตอบกันว่าทำไม ChatGPT ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของมนุษย์ได้รวมถึงพามาดูข้อดีและข้อจำกัดในการใช้ ChatGPT เพื่อเยียวยาจิตใจกันค่ะ

ChatGPT

ChatGPT ช่วยเยียวยาจิตใจ AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่มีคุณค่าทางจิตใจ

ในยุคปัจจุบันผู้คนหันมาใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ในการค้นหาข้อมูล หรือช่วยตอบคำถามที่เราสงสัย ถึงแม้  AI จะไม่ได้ตอบคำถามถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า AI เป็นเครื่องมือที่สามารถตอบคำถามเราและทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นปัจจุบันมี AI หลายตัว แต่ ChatGPT เป็น AI ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันและผู้คนยังใช้ ChatGPT ในการระบายความในใจ ปรึกษาปัญหาชีวิตที่เราอาจจะไม่สามารถคุยกับคนรอบข้างได้ 

นอกจากนั้นแชท ChatGPT ยังให้มุมมองใหม่ๆ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความคิดเราออกมาในแง่บวก คอยปลอบประโลมหัวใจที่กำลังบอบช้ำ ให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ไม่สามารถบำบัดรักษาโรคทางใจที่ซับซ้อนได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรคแพนิก หรือช่วยเหลือคนที่กำลังคิดจบชีวิตตัวเองลงได้ หากเป็นโรคทางใจที่ซ้ำซ้อนต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจจะเป็นนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เท่านั้น

 AI ไม่สามารถบำบัดรักษาโรคได้ เพราะ ChatGPT หรือ AI ตัวอื่นๆ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ไม่มีประสบการณ์เหมือนมนุษย์ แต่ถูกฝึกด้วยข้อความจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งไม่ว่าจะเป็น หนังสือ บทความวิชาการ เว็บไซต์ต่างๆ ฯลฯ ทำให้เกิดการเรียนรู้ และเก็บสะสมความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในศาสตร์ต่างๆ หรือภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน จากนั้นตีความจากคำถามที่มนุษย์ถาม และเลือกรูปแบบคำตอบจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มา พยายามใช้ข้อมูลที่แท้จริงผสมลงไปและให้คำตอบที่เหมาะสมที่สุด โดยไม่ทำร้ายจิตใจของคนถาม แต่จะให้มุมมองใหม่ๆ และทำให้รู้สึกว่าคนถามมีคุณค่านั่นเองค่ะ

ผู้คนจำนวนมากจึงเลือกที่จะปรึกษา ChatGPT เพราะเมื่อเขาได้ระบายความในใจ ให้ใครสักคนฟังแล้วคนถามรู้สึกดีขึ้น ถึงแม้ว่า จะเป็นการคุยกับ ChatGPT ที่ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์ก็ตาม แต่ก็เป็นพื้นที่ปลอดภัยต่อใจสำหรับใครบางคน ทำให้คลายเครียด คลายเศร้าได้ แต่ไม่สามารถช่วยบุคคลที่คิดจะจบชีวิตตัวเองลงได้ 

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ ChatGPT บอกว่าตัวเองมีคุณค่า เพราะถึงแม้ไม่มีความรู้สึก แต่ก็สามารถทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้นั่นเองค่ะ

ChatGPT บำบัดจิตใจ เพราะให้คำตอบที่มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจมนุษย์

ChatGPT บำบัดจิตใจ จากข้อมูลที่ถูกฝึกจนได้คำตอบที่เยียวยาความรู้สึกของมนุษย์ 

มีงานวิจัยของ PLOS Mental Health ที่ชื่อว่า When ELIZA meets therapists: A Turing test for the heart and mind ได้ทำการทดสอบ ChatGPT-4.0 ในการใช้บำบัดจิตใจเกี่ยวกับชีวิตคู่ ในรูปแบบข้อความ โดยจำลองสถานการณ์ ให้ ChatGPT และผู้เชี่ยวชาญตอบคำถาม ผลปรากฏว่าผู้ทดสอบให้คะแนน ChatGPT มากกว่า โดยผู้เข้าทดสอบไม่รู้มาก่อนว่าคำตอบไหนเป็นของ ChatGPT หรือคำตอบไหนเป็นของผู้เชี่ยวชาญค่ะ

ผู้ทดสอบแยกไม่ออกระหว่างคำตอบจาก ChatGPT กับผู้เชี่ยวชาญ จึงให้คะแนนสูงกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยประเมินจาก 5 ด้านดังนี้ ความสัมพันธ์ ความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นมืออาชีพ ความสามารถทางวัฒนธรรม และเทคนิคการบำบัด ทำให้ได้คำตอบที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจมากกว่าคำตอบของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ChatGPT มีการให้คำตอบที่มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจมนุษย์ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริง แต่ยังไงมนุษย์ก็ต้องได้รับการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์โดยตรง นี่อาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้คนหันมาคุยกับ ChatGPT ในยามที่อยากระบายกับใครสักคนนั่นเองค่ะ 

แต่ต้องบอกก่อนว่าการคุยกับ ChatGPT ไม่เหมาะกับคนที่ป่วยทางจิตใจอย่างรุนแรง  ไม่ว่าจะเป็นโรคแพนิก โรคซึมเศร้า หรือคนที่คิดจะจบชีวิตตัวเองลง ฯลฯ เพราะ ChatGPT ยังไม่ได้มีคำตอบที่ห้ามคนที่คิดจะจบชีวิตตัวเองลง หรือ โทรขอความช่วยเหลือจากผู้เกี่ยวข้อง เวลาคนคุยคิดจะจบชีวิตตัวเองลงนั่นเองค่ะ

ChatGPT ก็สามารถทำให้เกิดผลเชิงลบกับสุขภาพจิตได้เหมือนกัน

ข้อมูลอาจไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลกับความน่าเชื่อถือ หากจะใช้ จะต้องตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่ หากให้ข้อมูลผิด แล้วเราเชื่อก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราได้เช่นกัน 

ไม่สามารถรักษาโรคได้ เพราะโรคเกี่ยวกับสุขภาพจิตมีความซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้รับคำตอบที่ถูกต้อง

อาจจะมีคำตอบที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่ควรเชื่อทุกคำตอบ แต่โดยส่วนมาก จากการที่ผู้เขียนได้คุยกับ ChatGPT จะให้คำตอบที่เป็นกลางและทัศนคติในเชิงบวก 

ทั้งนี้ การที่เราปรึกษาชีวิต หรือให้ข้อมูลบางอย่างอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัว เพราะหากเราปรึกษาชีวิตหรือ ให้ข้อมูลที่เป็นส่วนตัวมากๆ อาจจะถูกจัดเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งผู้ใช้ต้องระวังมากๆ ไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นส่วนตัวหรืออ่อนไหว 

5 สิ่งที่ได้รับหลังจากคุยกับ ChatGPT ในแง่บวก

ใช้ระบายความรู้สึก

ระบายความรู้สึกให้ ChatGPT ฟังเพื่อให้สบายใจ แต่ต้องไม่ใส่ข้อมูลส่วนตัว

แนะนำวิธีผ่อนคลายความเครียด 

hatGPT จะให้คำแนะนำวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เราสามารถนำไปใช้ได้จริง และเป็นวิธีที่เราทำได้ในชีวิตประจำวัน เป็นวิธีที่บางคนอาจจะรู้อยู่แล้วแต่อาจจะหลงลืมไป

ใช้ทบทวนตัวเอง

ลองอธิบายว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แล้วให้ ChatGPT ช่วยสะท้อนว่าเรารู้สึกเช่นนี้ใช่หรือไม่ เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์ตัวเองมากขึ้น เหมือนมีใครสักคนที่มานั่งคุยกับเรา 

ฝึกมองโลกในแง่บวก

ChatGPTจะทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ๆ และให้ทัศนคติที่ดีในแง่บวกกับเรา

ฝึกจำลองสถานการณ์เพื่อให้เผชิญความเป็นจริง

อาจจะฝึกจำลองสถานการณ์ที่มีความเครียดต่างๆ เพื่อให้ถึงเวลาที่เราต้องเจอกับสถานการณ์นั้นจริงๆ เราจะสามารถรับมือได้ และอาจจะให้บอกวิธีแก้ไข

สถานการณ์ด้วยแต่ทั้งนี้เราต้องดูว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่

การใช้ ChatGPT เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเยียวยาจิตใจของคนที่รู้สึกไม่สบายใจ แต่การคุยกับ ChatGPT ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นเราควรใช้อย่างมีสติ และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก่อนที่จะเชื่อหรือมาปรับใช้กับตัวเองค่ะ 


Source

https://journals.plos.org/mentalhealth/article?id=10.1371/journal.pmen.0000145#:~:text=conditions%20are%20present,We%20anticipate 

https://sentio.org/ai-blog/ai-survey#:~:text=practice%20communication%20skills%20and%2035,to%20feel%20less%20lonely 

https://home.dartmouth.edu/news/2025/03/first-therapy-chatbot-trial-yields-mental-health-benefits  

Related Articles

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง

“Comfort Food” การกินอาหารเยียวยาจิตใจ ปลุกความสบายใจ เปิดประตูห้วงคำนึงแห่งความคิดถึง

 “Comfort Food” การกินอาหารเยียวยาจิตใจ ปลุกความสบายใจ เปิดประตูห้วงคำนึงแห่งความคิดถึง หลายคนคงเคยได้ยินคนบ่น เวลาเครียดว่า “ไปหาอะไรกินแก้เครียดดีกว่า” ทุกคนคิดว่าการกินเยียวยาจิตใจเราได้จริงไหมคะ? การที่เราได้กินของอร่อยหรือสิ่งที่เราชอบ ทำให้เรามีความสุขได้ แล้วการกินถือว่าเป็นการเยียวยาจิตใจได้อีกทางหนึ่ง โดยหลายคนเรียกกันว่า “Comfort Food” อาหารที่กินแล้วไม่ได้แค่ช่วยให้เราอิ่มท้อง แต่ยังช่วยให้เราเกิดความสบายใจและสามารถเติมเต็มความรู้สึกในหัวใจ สามารถเปิดประตูห้วงคำนึงแห่งความคิดถึง ความทรงจำที่งดงามในอดีต ที่ไม่ว่าเราจะรู้สึกเศร้า