การพัฒนาของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันส่งผลให้อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้งานภายในบ้านได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับการดำรงชีวิตมากยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ Home Automation ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ ได้แก่ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองกับผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม โดยในประเทศไทยเองอุปกรณ์อัจฉริยะที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้คือ Smart TV ที่มีสัดส่วน 35% ของตลาดทีวีทั้งหมด และรองลงมาคือกล้องวงจรปิด
นอกจากนี้อุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อประหยัดพลังงานก็กำลังจะขยายเข้าสู่ตลาด Home Automation ภายในปี 2021 นี้ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถรายงานการใช้ไฟฟ้าในบ้าน และจัดการการใช้พลังงานในบ้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่ หลอดไฟอัจฉริยะ อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิในบ้าน
ทำความรู้จักกับ Home Automation
เมื่อนึกถึงบ้านธรรมดาที่สร้างขึ้นเพื่ออยู่อาศัยและป้องกันอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย และเครื่องใช้ไฟฟ้าสิ่งอำนวยความสะดวกตอบสนองการใช้งานได้เพียงแค่การเสียบปลั๊กและเปิดสวิตช์ใช้งาน แต่เมื่อการพัฒนาอุปกรณ์เหล่านี้ให้สามารถทำงานร่วมกับอินเทอร์เน็ตได้แล้ว เครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมก็ได้กลายเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่อุปกรณ์ให้ความบันเทิง และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ระบบปรับอากาศ รวมถึงระบบประหยัดพลังงานอีกด้วย โดยการใช้งานด้วยการสั่งงานทั้งหมดผ่านทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือ Smart watch ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย
ตัวอย่างเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Home Automation
Smart Home Energy
แม้ว่าอุปกรณ์อัจฉริยะแทบทั้งหมดมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนการใช้งาน แต่แท้จริง แล้วกลับช่วยให้เจ้าของบ้านที่ใช้อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
ผลการวิจัยของ Fraunhofer Institute สถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปพบว่า อุปกรณ์อัจฉริยะช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 30-40 % ในกลุ่มผู้ติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ภายในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเมื่ออุปกณ์เหล่านั้นมีการเชื่อมต่อกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งจะช่วยจดจำการใช้งานและประเมินการใช้งานอุปกรณ์ร่วมกับพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
IoT ผู้เชื่อมต่อบ้านของคุณ
Internet of Things (IoT) เป็นการเชื่อมต่อทุกสิ่งของและเครื่องจักรเข้ากับระบบการเชื่อมต่อไร้สายอย่างอินเทอร์เน็ต โดยคาดว่าภายในปี 2020 จะมีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ถึง 15 ล้านล้านชิ้น โดยอุปกรณ์เหล่านั้นจะสามารถใช้งานได้อย่างมีสเถียรภาพและมีราคาที่คนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้
การพัฒนาของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไร้ขอบเขตและถูกพัฒนาให้มีความปลอดภัยมากขึ้นในปัจจุบันเอง ก็ทำให้มีการพัฒนาอุปกรณ์ที่รองรับการทำงานร่วมกับบ้านอัจฉริยะมีความสามารถในการใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะสามารถทำงานร่วมกันตามคำสั่งของเจ้าของบ้านโดยผ่านผู้ควบคุมหลักนั่นคือ อินเทอร์เน็ตนั่นเอง ทำให้เจ้าของบ้านสามารถสั่งงานการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ (Real time) และติดตามการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านได้จากระยะไกลอีกด้วย
การทำงานร่วมกันของ Big Data และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)
การนำเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้าน ทำให้อุปกรณ์มีความเข้าใจพฤติกรรมของเจ้าของบ้านที่ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถตอบโต้และรับการสั่งการของเจ้าของบ้านได้ด้วยเสียงและมีการจดจำการกระทำต่างๆ ก่อนจะทำเป็นแบบประเมินพฤติกรรมการใช้งาน รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของเจ้าของบ้านอีกด้วย
นอกจากนี้อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ยังสามารถส่งข้อมูลไปบนระบบรับข้อมูลขนาดใหญ่ ที่สามารถรับและส่งข้อมูลการใช้งานอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ว่ามีการใช้งานที่ยังสมบูรณ์อยู่ หรือถึงเวลาตรวจเช็คสภาพแล้วหรือยัง เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
บ้านอัจฉริยะที่ดีควรตอบสนองคุณได้ในเรื่องอะไรบ้าง?
1. ความสะดวกสบายที่คุณออกแบบเองได้
ระบบการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่เมื่อคุณเดินทางมาถึงบ้านแล้วประตูหน้าบ้านจะปลดล็อคอัตโนมัติ รวมถึงระบบภายในบ้านเริ่มทำงานได้เอง โดยอาจจะเริ่มจากการระบายอากาศออกจากบ้านและเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนที่คุณจะเดินไปถึงห้องนั่งเล่น และคำสั่งเปิดเพลงที่คุณชอบตามความต้องการของคุณ ห้องน้ำที่เปิดน้ำอุ่นรอไว้ให้คุณได้ผ่อนคลาย รวมถึงไฟในห้องต่างๆ ปรับเปลี่ยนความสว่างได้ตามอารมณ์ของคุณ
2. ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
ระบบกล้องวงจรปิดที่ล้ำสมัยกว่าเดิม ที่นอกเหนือจากการดูความเคลื่อนไหวได้แบบสดๆ ผ่านสมาร์ทโฟนของคุณแล้ว ยังสามารถตั้งค่าการตรวจจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ในบ้าง รวมถึงไมโครโฟนที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงไปที่บ้านได้อีกด้วย
3. การสั่งงานที่ง่ายดาย
จากอุปกรณ์ดั้งเดิมในบ้านที่ต้องพกกุญแจ หรือรีโมทเพื่อสั่งงาน แต่อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้พร้อมรับคำสั่งจากคุณได้ด้วยเสียงและยังสามารโต้ตอบกับคุณได้อีกด้วย นอกเหนือจากนี้คุณอาจจะไม่ต้องพกกุญแจบ้านไปที่อื่น แต่คุณสามารถเข้าออกบ้านได้ด้วยการใช้รหัสผ่านหรือคำสั่งที่เชื่อมกับอุปกรณ์สั่งการของคุณ
4. การควบคุมจากทุกที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสั่งงานอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านผ่านแอพลิเคชั่นที่ตั้งค่ามาเพื่อบ้านของคุณโดยเฉพาะ โดยรวมทุกการสั่งการไว้ในแอพพลิเคชั่นเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดไฟ การสั่งเครื่องชงกาแฟให้ทำงาน รวมถึงระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ที่นอกจากจะสั่งงานเปิด-ปิดได้แล้ว ยังสามารถเก็บข้อมูลการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ เพื่อช่วยประเมินการใช้งานอุปกรณ์ให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด โดยพบว่าสามารถช่วยลดค่าไฟลงได้เฉลี่ยเดือนละ 12% เลยทีเดียว
5. เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน
คนรุ่นใหม่มักจะมองหาสิ่งอำนวยความสะดวกและใช้งานได้ง่ายให้กับตนเอง การเลือกบ้านก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนมักเปรียบเทียบจากความคุ้มค่าก่อนลงทุนซื้อ เมื่อพวกเขาพบว่าบ้านนั้นมีอุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยให้การใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นอิสระและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ก็จะเป็นการสร้างมูลค่าให้กับบ้านได้มากขึ้น
สรุป
บ้านอัจฉริยะ นั้นเป็นนวัตกรรมกำลังเป็นที่น่าจับตามองในยุคดิจิทัลที่เชื่อมต่อชีวิตเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ต โดยเจ้าของบ้านสามารถเลือกซื้อและติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ภายในบ้านของตนเองได้อย่างอิสระและใช้งานได้ง่าย ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้อุปกรณ์เพื่อบ้านอัจฉริยะจะถูกออกแบบเพื่อการใช้งานที่หลากหลายและมีราคาที่คนทั่วไปก็สามารถเป็นเจ้าของได้
อีกไม่นานเกินรอ คุณก็จะได้สัมผัสการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์เพื่อบ้านอัจฉริยะของคุณ ที่จะช่วยรังสรรค์ให้บ้านของคุณราวกับมีชีวิตขึ้นมา เพื่อการใช้ชีวิตในบ้านที่ตอบสนองทุกความต้องการของคุณได้มากที่สุด