Rise and shine เมื่อไม่นานมานี้ Property Report ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต โดยใช้เมนู “ผัดไทย” ที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดี มาเป็นดัชนีชี้วัดค่าครองชีพที่สูงขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อว่า ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน และพัทยา ราคาเฉลี่ย “ผัดไทย” ต่อจานของภูเก็ตอยู่ที่ 55 บาท นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ (ราคา 41 บาทต่อจาน) และเชียงใหม่ (38 บาทต่อจาน) ในระดับครัวเรือน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้สร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคทั่วไป แต่หากมองในมุมของภาคเศรษฐกิจโดยรวม จากผลการสำรวจพบว่าราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นสัมพันธ์อำนาจการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักยังที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูเก็ตอยู่ตลอดเวลา
แม้นักท่องเที่ยวจากรัสเซียจะลดลง แต่ด้วยมาตรการต่างๆ ที่ออกมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว การขยายสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน การพัฒนาสาธารณูปโภคที่มีการกำหนดแผนงานอย่างชัดเจนจากภาครัฐ ทำให้ไม่เพียงแต่จะมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะยังคงสดใสและสามารถแข่งขันกับเมืองตากอากาศอื่นๆได้ แต่ภาคอสังหาฯ ก็จะได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาไปด้วย เหนือสิ่งอื่นใดก็คือความมั่นใจที่ชาวต่างชาติยังมีให้กับการท่องเที่ยวและการลงทุนในเมืองตากอากาศอย่างภูเก็ต และนี่คือ 4 เหตุผลว่าทำไม “ภูเก็ต” จึงมีศักยภาพที่จะเติบโตพร้อมแซงหน้าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ได้อีกมาก
1. ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภูเก็ตเพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท หลักๆ ที่น่าสนใจ เช่น
• โครงการขยายสนามบิน Phuket International Airport เป็นโครงการส่วนต่อขยายสนามบินภูเก็ตเดิม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ ทภก. ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 12.5 ล้านคนต่อปี (แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 5 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 7.5 ล้านคนต่อปี) รองรับผู้โดยสารและปริมาณการจราจรทางอากาศได้ถึงปี พ.ศ.2561
• โครงการขยายทุ่นจอดเรือยอชต์และเรือสำราญ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่อ่าวฉลอง โดยมีมูลค่าโครงการกว่า 372 ล้านบาท
• อุโมงค์ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง จะช่วยย่นระยะทางการเดินทางจากตัวเมืองไปยังชายหาดป่าตอง และช่วยลดอุบัติเหตุจากสภาพการขับรถขึ้น-ลงเขาในขณะที่ฝนตก หรือทัศนวิสัยไม่ดีบนถนนสาย 4029 ทำให้การเดินทางมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. แผนพัฒนาโครงการลงทุนของภาคเอกชนมูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท
ภูเก็ตเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเทียบเท่าเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นการมาของ Central Phuket ที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 12,700 ล้านบาท, โครงการ The Mall: Blu’Pearl มูลค่าโครงการ 20,000 ล้านบาท และโครงการใหม่ล่าสุด คือ King Power Phuket Complex ที่รับประกันบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของภูเก็ตที่ยังคงคึกคัก ยังไม่นับรวมห้างค้าปลีกที่มีสาขาจำนวนมากในภูเก็ต ซึ่งสะท้อนภาพรวมของภูเก็ตได้ดีว่าเป็นเมืองของคนที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นเมืองแห่งการลงทุนอย่างแท้จริง และในช่วงที่ผ่านมาราคาที่ดินของจังหวัดเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีตั้งแต่ระดับราคาไร่ละต่ำกว่า 5 ล้านบาท จนถึงราคา 100 ล้านบาท
3. สถิติการเติบโตนักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเทียบกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่น
สถิตินักท่องเที่ยวผ่านเข้าออกในจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ ระหว่างปี 2010-2013 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดจาก Department of Tourism, Ministry of Tourism and Sports เมื่อเปรียบเทียบกับเชียงใหม่ หัวหิน พัทยา เกาะ สมุย กระบี่ และกรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ตมีอัตราการเจริญเติบของนักท่องเที่ยวสูงมากถึง 35.5% รองจากเกาะสมุยที่โต 51% แต่เมื่อเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว ภูเก็ตปี 2013 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 12 ล้านคนมีสัดส่วนเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสูงถึง 70% และคนไทย 30% โดยอัตราการเจริญเติบโตของนักท่องเที่ยวไทยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีตัวเลขการเติบโตที่ใกล้เคียงกัน คือ 31%/36% (ไทย/ต่างชาติ) ส่วนรายได้ของจังหวัดภูเก็ตมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากกำลังซื้อของชาวต่างชาติมีถึง 6,126 บาทต่อคนต่อวัน และอัตราการพักแรมเฉลี่ยของจังหวัดภูเก็ต (Length of Stay) อยู่ที่ประมาณ 4 วัน
4. สัดส่วนชาวต่างชาติถือครองห้องชุดสูงถึง 35-45% และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ
ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีความหนาแน่นของชาวต่างชาติสูง ด้วยสัดส่วนการถือครองห้องชุดมากถึง 35-45% บางโครงการสูงถึง 45-48% โดยเฉพาะในโซนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามชายหาดชื่อดังต่างๆ โดยจะกระจายไปตามโซนต่างๆในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ยกเว้นโซนอำเภอเมืองของจังหวัดภูเก็ต ที่จะเป็นโซนที่พักอาศัยของคนในพื้นที่ สำหรับสัดส่วนชาวต่างชาติที่สูงนั้น สะท้อนถึงกำลังซื้อของตลาด ที่จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มทั้งราคาขายและค่าเช่า
สำหรับอัตราค่าเช่าคอนโดมิเนียมที่ปล่อยเช่าในจังหวัดภูเก็ตทุกประเภท มีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 30,000-55,000 บาทต่อเดือน (300-560 บาท/ตร.ม./เดือน) โดยขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลของห้อง หากเป็นห้องประเภท Sea view จะมีราคาที่สูงกว่าปกติ ประเภทห้องปล่อยเช่าที่พบมากส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาดใหญ่ ประเภท 2-3 ห้องนอน เน้นวิวทะเลหรือเป็นคอนโดติดทะเล ซึ่งโดยธรรมชาติของจังหวัดภูเก็ตนั้น สามารถปล่อยเช่าได้ 2 รูปแบบหลักคือ
1. ปล่อยเช่าได้เฉพาะช่วง High Season ประมาณ 6-8 เดือนต่อปี จะได้ผลตอบแทนประมาณ 3-5% ต่อปี
2. สามารถปล่อยเช่าได้ตลอด 12 เดือน จะได้ผลตอบแทนประมาณ 5-7% ต่อปี
จากข้อมูลเหล่านี้ ทำให้เราเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ภูเก็ตจะได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์และเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับปริมาณผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้ามาโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ของไทย ช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะที่ดีของผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนและการทำธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต
ข้อมูลบางส่วนจาก TerraBKK.com