Sanrir Blog Cover logo

รู้หรือไม่ แสนสิริ “ประหยัดพลังงาน และ รักษ์โลก” ได้มากแค่ไหน?

ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองในปัจจุบัน ทำให้โมเดลการใช้พลังงานสะอาด ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับการผลักดันอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ แสนสิริ ที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด ผ่านนวัตกรรม, การออกแบบ และแนวคิดของเรา

นวัตกรรม Cooliving Designed Home ที่นำไปใช้กับหลายโครงการ เช่น บุราสิริ วัชรพล และ บุราสิริ พัฒนาการ คือหนึ่งในตัวอย่างของการจัดการพลังงานและรักษ์โลกที่แสนสิริได้มุ่งมั่นเสมอมา โดยเป็นออกแบบบ้านเพื่อให้มีอุณหภูมิพอเหมาะและอยู่สบาย ทั้งการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม การออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางแสงแดดและลม ไปจนถึงการปรับโครงสร้างให้รองรับสภาพอากาศ จนสามารถลดอุณหภูมิสูงของสภาพอากาศภายนอก ให้ภายในบ้านรู้สึกเย็นสบายลดอุณหภูมิได้มากถึง 2 องศา เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตแบบรักษ์โลกและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว

Sansiri Blog - Burasiri

แล้วถ้าในส่วนของนวัตกรรมและการออกแบบอื่นๆ ล่ะ? ลองมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันดีกว่า ว่าแสนสิริจะมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้โลกใบนี้ได้มากแค่ไหนกันนะ?

ลดขยะคอนกรีต 1,600 ตันต่อปี = พื้นที่สีเขียวของป่าไม้ 36 ไร่

“การนำขยะกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่อีกครั้ง สามารถช่วยโลกใบนี้ได้อีกมาก” ที่แสนสิริจึงได้ตั้งใจที่จะลดปริมาณขยะคอนกรีตจากการก่อสร้างทั้งในรูปแบบก่ออิฐฉาบปูนและพรีคาสต์ สู่นวัตกรรม Earth Blox ที่นำเศษคอนกรีตมวลเบาเหลือใช้จากการก่อสร้างกลับมาเป็นส่วนผสมในการแปรรูป เพื่อสร้างบล็อกคอนกรีตใหม่ นำกลับมาใช้ทำแผ่นทางเท้า ช่องลมระบายอากาศ และของตกแต่งภายในแลนด์สเคป

นั่นจะทำให้เราสามารถลดขยะคอนกรีตที่เกิดจากการก่อสร้างโดยวิธีก่ออิฐฉาบปูนได้ถึง 1,600 ตันต่อปี และมีส่วนช่วยโลกลดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) ได้มากกว่า 48 ตันต่อปี ซึ่งเท่ากับช่วยสร้างพื้นที่สีเขียวของป่าไม้ได้มากถึง 36 ไร่ และนับจากนี้เป็นต้นไปแสนสิริจะเพิ่มการใช้การก่อสร้างด้วยระบบ Precast ในการก่อสร้างคอนโดมิเนียมจาก 50% เป็น 80% ภายในปี 2021 ด้วยค่ะ

แปรรูปขยะมูลฝอย 42 ตันต่อปี = ลดเงินค่ากำจัดขยะ 27,000 บาทต่อปี

ท่ามกลางปัญหาการสร้างขยะมูลฝอยในประเทศไทยที่ต้องจัดการอย่างต่อเนื่อง เราจึงมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ติดตั้งเครื่อง Food Waste Machine จำนวน 10 เครื่องบนพื้นที่ส่วนกลางในทุกโครงการแนวสูงเพื่อช่วยกำจัดขยะจากการบริโภคของลูกบ้าน

โดยจะสามารถแปรรูปขยะมูลฝอยจากทั้งสิ้น 23 โครงการ ได้เฉลี่ย 42 ตันต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะมูลฝอยที่ประมาณ 600 บาทต่อ 1 ตัน นั่นหมายความว่าจะช่วยประหยัดเงินในการกำจัดขยะได้มากถึง 27,000 บาทต่อปี แถมยังได้แปรรูปขยะให้กลายเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ดูแลต้นไม้ได้ด้วย

ผลิตไฟฟ้า 2 เมกกะวัตต์ = ชาร์จโทรศัพท์มือถือ 1,400 ล้านเครื่อง

Sansiri Blog - Green mission 2

เพราะพลังงานคือสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะไฟฟ้าถือเป็นพลังงานที่ขาดไม่ได้และจำเป็นต้องช่วยกันประหยัด ซึ่งเราได้มีการติดตั้ง Solar Roof ประกอบไปด้วยแผงโซล่าเซลล์ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้า และตั้งเป้าให้ครอบคลุมถึง 31 โครงการภายในปี 2021 นี้

โดยนวัตกรรม Solar Roof ดังกล่าวจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าตามที่มุ่งหวังได้ถึง 2 เมกกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นพลังงานที่ผลิตได้เทียบเท่ากับการใช้ชาร์จโทรศัพท์มือถือที่มากถึง 1,400 ล้านเครื่อง และยังเป็นการใช้พลังงานที่สะอาดอีกด้วย

ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 7.5 ตันต่อปี = เดินทางจากเบตงไปแม่สาย 14 เที่ยว

Sansiri Blog - Green mission 3

 

คาร์บอนไดออกไซด์คือหนึ่งในก๊าซที่สร้างภาวะเรือนกระจกทำให้โลกร้อนขึ้น เราจึงออกแบบการให้บริการ Electronic Car Sharing ยานพาหนะไฟฟ้า และติดตั้ง EV charger สถานีบริการชาร์จไฟฟ้าในทุกโครงการแนวสูง ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 7.5 ตันต่อปี

โดยปริมาณของก๊าซดังกล่าว วัดได้เท่ากับการใช้พลังงานการวิ่งของรถ Electronic Car ทั้งหมด 31,496.57 กิโลเมตร เทียบเท่าการเดินทางจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ด้วยระยะทาง 2,215 กิโลเมตร ได้ถึง 14 เที่ยว

https://www.facebook.com/sansirifamily/videos/323159998516095/

 

แสนสิริ ให้ความสำคัญกับแนวทางการจัดการของเสียและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดมา จึงได้ผลักดันโมเดลต้นแบบภายใต้ชื่อ “แสนสิริ กรีน มิชชั่น – Sansiri Green Mission” ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลด ละ เลิก การใช้พลังงานและปล่อยของเสีย ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยมุ่งมั่นขับเคลื่อนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ภายใต้ 4 คำมั่นสัญญาหลัก ได้แก่ Waste Management จัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ, Energy Saving & Generation ออกแบบเพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, Smart Move ลดการปล่อยมลภาวะสู่อากาศ ด้วยแพลตฟอร์มการใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน และ Sustainability การขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน เราให้คำสัญญาว่าจะมุ่งมั่นกับภารกิจสีเขียว เพื่อสร้างความยั่งยืนในการใช้พลังงานและดูแลโลกใบนี้ไปพร้อมๆ กับทุกคน

ติดตามเรื่องราวการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์โลก ผ่านวัตกรรมและดีไซน์จากแสนสิริ ไม่ว่าจะเป็น Cooliving Designed Home นวัตกรรมบ้านอยู่สบายที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้มากถึง 2 องศา และ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค คอนโดมิเนียมที่โกกรีนเต็มรูปแบบ

Related Articles

Burasiri Wongwan - Onnut

Sansiri Tree Story จากเรื่องราวของต้นไม้ สู่การส่งต่อคุณค่ายิ่งใหญ่ไม่จางหาย

เพราะคุณค่าของต้นไม้คือส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของมนุษ์เราบนโลกใบนี้ เมื่อปราศจากต้นไม้ ก็อาจเท่ากับปราศจากชีวิต การเก็บรักษา “คุณค่า” แห่งชีวิตที่ธรรมชาติมอบให้มาอย่างใส่ใจ ให้ยังคงอยู่ตลอดไป จึงเป็นภารกิจที่สำคัญเหนือสิ่งใด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คงจะเป็นความผูกพันของชีวิตมนุษย์และธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งเชื่อมใกล้ชิดกันอย่างที่แยกจากกันไม่ออก  “ธรรมชาติ” ยังคงคอยเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตเราให้ให้สมบูรณ์อยู่เรื่อยมาเสมอ ด้วยการยืดหยัดอยู่เคียงข้างมนุษย์ พร้อมมอบคุณค่าอันยิ่งใหญ่ให้ชีวิตเราทุกคน แต่คุณค่าแบบไหนที่ต้นไม้และธรรมชาติมอบให้เรา? คุณค่าแห่งชีวิตที่จะหยั่งรากลึกตลอดไป ในการใช้ชีวิตแต่ละวันของมนุษย์นั้นต้องเผชิญกับสุขและทุกข์อยู่เสมอ แต่เมื่อไหร่ที่ได้นอนเอนกาย หลับตาลงใต้ต้นไม้ใหญ่ กลางสวนสีเขียวผืนกว้าง

sansiri tree day ปลูกหนึ่งให้ถึงแสน

Tree Day ดีเดย์! เติมความเขียว ตามสไตล์คนเมือง ใครว่าทำไม่ได้

ปลูกต้นไม้ เรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว ที่มักถูกผลักออกไปให้ไกลตัวด้วยอุปสรรคเส้นบางๆ ที่เรายกขึ้นมาขวางกั้นตัวเองทุกครั้ง รู้นะ…ว่าโลกร้อน ฝุ่นลอยฟุ้งเป็นหมอกพิษ สนับสนุนนะ…ให้ทุกคนปลูกต้นไม้ แต่อยู่กลางเมืองแบบนี้ ต้องขอบาย ปลูกเองไม่ได้จริงๆ ว่าแต่ ใครว่าอยู่เมืองใหญ่ จะปลูกพื้นที่สีเขียวให้เติบโตไม่ได้? หลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะหันไปร่วมวงสนทนาไหน ก็ได้ยินปัญหาโลกร้อนและปัญหามลพิษจากทั่วทุกสารทิศเต็มไปหมด เรียกได้ว่าสิ่งแวดล้อมที่เข้าขั้นวิกฤตนี้ กลายเป็นวาระแห่งชาติ หรือถ้าจะให้ถูกก็คงต้องวาระแห่งมนุษยชาติเลยทีเดียว

ใครนิ่ง แต่เราไม่นิ่งตาม : รวมพลัง “ทวงคืน” โลกที่น่าอยู่

ฝุ่นละอองเล็กๆ ที่ปกคลุมผืนฟ้าเหนือหลายๆ จังหวัดของไทย รวมถึงควันไฟที่ลอยคละคลุ้งรอบตัว จากวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ทุกแห่งหน กลายเป็นส่วนหนึ่งของอากาศที่เราหายใจอย่างชินชาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหยุดความสนิทกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษไว้เพียงแค่นี้? ขึ้นปี 2020 มาหยกๆ ตั้งใจไว้อย่างดีว่าปีนี้นี่ล่ะ จะต้องเปิดรับสิ่งดีๆ และซึมซับพลังบวกเข้ามาในชีวิตให้เยอะที่สุด แต่พอหันกลับมามองโลกรอบตัวจริงๆ เท่านั้น…กลับกลายเป็นว่าสิ่งเดียวที่ได้เปิดรับ คือวิกฤตสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ที่ค่อยๆ ย่างกรายมาส่งผลต่อชีวิตมากขึ้นทีละน้อย ไฟป่า ฝุ่นพิษ