ความจริง VS ความเชื่อ
เกี่ยวกับน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้
ที่คนชอบกินสมูทตี้ต้องรู้ 

ไม่ต้องเลิก กินน้ำปั่น อย่างใครเขา
งดเท่าที่เรานั้น จะงดไหว
น้ำปั่นเราไม่ต้องหวานเท่าของใคร
อย่ากินจนทำลายสุขภาพเท่านั้นพอ 

“น้ำผลไม้ปั่น” หรือ ที่ใครหลายคนเรียกว่า “สมูทตี้” เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่มีสีสันสดใสและเป็นผลไม้ที่ได้มาจากธรรมชาติ ทำให้ถูกมองว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

มีคนมากมายชอบกินน้ำปั่นสมูทตี้ เพราะคิดว่า อร่อยและดีต่อสุขภาพด้วย ทำให้เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน คนรักสุขภาพ และเป็นเครื่องดื่มที่ทุกเพศทุกวัยสามารถดื่มได้ ทำให้มีบางคนกินสมูทตี้น้ำผลไม้ปั่นทุกวัน เพราะมักคิดว่าผลไม้ดีต่อสุขภาพ มีประโยชน์ ดีท็อกซ์ร่างกายได้ และยังมีคนบางส่วนที่กินสมูทตี้แทนมื้ออาหารเพราะคิดว่าลดความอ้วนได้อีกด้วย 

ท่ามกลางความจริงความเชื่อกับเทรนสุขภาพที่กำลังมาแรงในยุคนี้ กลับมีข้อเท็จจริงบางประการที่หลายคนมองข้ามไป ว่าแท้จริงแล้ว น้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ ทุกแก้วไม่ได้ดีต่อสุขภาพของเราเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เราใส่ลงไป

อย่างไรก็ตามมีความจริง ความเชื่ออีกหลายประการ ที่หลายคนยังไม่รู้หรืออาจจะมองข้ามไป วันนี้ Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาหาคำตอบ ความจริง VS ความเชื่อที่เกี่ยวกับน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้กินให้ถูกหลักและเกิดประโยชน์สูงสุดกับร่างกายอย่างแท้จริงกันค่ะ 

MYTHS : น้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ ทุกชนิดดีต่อสุขภาพ 

FACTS : ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใส่ลงไป หากปั่นผลไม้ที่มีแต่รสหวานจัดอย่างเดียว หรือเติมน้ำเชื่อมน้ำตาลลงไป ก็สามารถทำลายสุขภาพได้ 

หลายคนมักคิดว่าสมูทตี้ดีต่อสุขภาพกันใช่ไหมคะ? เพราะเชื่อว่าผลไม้ที่นำมาปั่นเป็นวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ ดีต่อสุขภาพและสามารถกินได้ทุกวัน แต่รู้ไหมแท้จริงแล้ว การกินน้ำผลไม้ปั่นจะดีต่อสุขภาพหรือไม่ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เรานำลงไปปั่นว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน หากผลไม้ที่นำมาปั่นมีแต่ผลไม้ที่มีรสชาติหวานอย่างเดียว เช่น กล้วย มะละกอ มะม่วงสุกที่มีรสชาติหวานมาปั่นรวมกัน ความหวานจากผลไม้ก็ทำลายสุขภาพได้ เพราะ น้ำตาลจากธรรมชาติ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า “น้ำตาลฟรุกโทส” ถ้าอยู่ในน้ำปั่นก็จะเป็นน้ำตาลอิสระ (Free suger)  ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นเดียวกับน้ำตาลที่เราเติมลงไป อีกทั้งเราควรเลือกผลไม้ที่สด สะอาดก่อนนำลงไปปั่น รวมถึงเลือกกินน้ำปั่นสมูทตี้ที่ไม่ผสมน้ำตาล น้ำหวาน น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเพิ่มลงไป 

ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติหรือน้ำตาลสังเคราะห์ก็สามารถทำลายสุขภาพได้เหมือนกัน หากเรากินมากเกินไป

MYTHS : กินน้ำผลไม้ดีกว่ากินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ 

FACTS : กินน้ำผลไม้ปั่นมีประโยชน์กว่าการกินน้ำผลไม้ (แยกกาก) เพราะ น้ำปั่นยังคงมีกากอาหารเหลืออยู่ ทำให้ควบคุมการดูดซึมน้ำตาลในเลือดและทำให้อิ่มไวขึ้น

หลายคนเชื่อว่าการกินน้ำผลไม้ดีกว่าการกินน้ำปั่นสมูทตี้ ซึ่งตัวเราเองก็เคยคิดแบบนี้เช่นกัน แต่แท้จริงแล้วการกินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ดีกว่าการกินน้ำผลไม้ เพราะน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่ใส่ผลไม้เป็นลูกลงไปยังมีกากผลไม้ และใยผลไม้เหลืออยู่ ถึงแม้จะถูกปั่นให้ละเอียดก็ตาม ต่างจากน้ำผลไม้ทั่วไปหรือน้ำผลไม้กล่อง ส่วนมากมักจะไม่ผสมกากหรือเนื้อของผลไม้ลงไปนั่นเองค่ะ แต่ในทางกลับกันถ้าน้ำผลไม้นั้นยังมีเนื้อหรือกากผสมอยู่ก็จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกับน้ำผลไม้ปั่นค่ะ 

นอกจากนี้ การกินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่นำผลไม้สดมาปั่นทำให้มีกากอาหารเหลืออยู่ จะช่วยควบคุมการชะลอน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เนื่องจาก กากผลไม้หรือที่เราเรียกว่า “ไฟเบอร์” เมื่อกินเข้าไปแล้วไฟเบอร์โดนน้ำ ไฟเบอร์จะกลายเป็นเจล ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวคอยจับน้ำตาลที่จะดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง รวมถึงทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง แล้วทำให้เราอิ่มนานขึ้นอีกด้วย

แล้วทำไมการกินน้ำปั่นสมูทตี้ ถึงกินแล้วอิ่มไวกว่าการกินน้ำผลไม้? อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าสมูทตี้ที่ปั่นจากผลไม้สด มีไฟเบอร์และไฟเบอร์จะช่วยให้เราอิ่มไวขึ้นนั่นเองค่ะ

MYTHS : กินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ แทนการกินอาหารช่วยลดน้ำหนักได้

FACTS : เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากกินผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำก็

จะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ถ้าหากเติมน้ำตาลมากเกินไป

ก็ไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ และทำให้อ้วนขึ้นด้วย 

หลายคนคิดว่ากินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ ช่วยลดน้ำหนักได้ จึงทำให้บางคนกินทุกวันแทนมื้ออาหาร แต่ในความเป็นจริง การกินน้ำปั่นสมูทตี้ช่วยลดน้ำหนักได้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเราจะลดน้ำหนักได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใส่ลงไป ซึ่งขึ้นอยู่กับแคลอรีที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน ถ้ากินน้ำปั่นสมูทตี้ที่มีแคลอรีน้อยกว่าปกติที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน จะทำให้น้ำหนักลดลงได้จริง แต่ถ้าน้ำปั่นสมูทตี้นั้นมีแคลอรีมากกว่าปกติ ก็อาจจะไม่ได้ทำให้น้ำหนักลดลง และอาจจะทำให้น้ำหนักเพิ่มสูงขึ้นด้วย

รวมถึงการกินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกอิ่มเหมือนกับที่รับประทานข้าวจริงๆ เพราะเราไม่ต้องเคี้ยว ซึ่งส่งผลให้เราจะรู้สึกหิวเร็วขึ้น อีกทั้งหากเรากินน้ำปั่นสมูทตี้ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูง จะทำให้ร่างกายจะหลั่งอินซูลินมากขึ้น ซึ่งถ้าร่างกายหลั่งอินซูลินมากจะทำให้น้ำตาลลดไวขึ้น ส่งผลให้หิวเร็วขึ้นอีกเช่นกันค่ะ เมื่อเราหิวเร็วขึ้นเราจะกินมากขึ้น อาจจะส่งผลให้เราอ้วนขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้ค่ะ

หากจะกินน้ำผลไม้ปั่นเพื่อลดความอ้วน ควรใช้ส่วนผสมไม่เกิน 300 แคลอรี อาจจะใส่โยเกิร์ตที่ไม่หวานเพิ่มเติม ไม่เติมน้ำหวานหรือน้ำผลไม้กล่อง และจะต้องไม่ไปกินอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างที่ตั้งใจไว้ค่ะ

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การกินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ นั้นจะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เราใส่ลงไปค่ะ 

MYTHS :  การกินผลไม้ปั่นล้วน เป็นเวลา 1-3 วัน สามารถช่วยล้างสารพิษ (ดีท็อกซ์) ในร่างกายได้

FACTS : การกินผลไม้ปั่นล้วน ไม่ได้ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย 

ได้ดีมากขึ้น เพราะร่างกายสามารถกำจัดสารพิษได้เองตามธรรมชาติ

ในปัจจุบันการดีท็อกซ์ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรักสุขภาพ หลายคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่าการดีท็อกซ์คืออะไร?

การดีท็อกซ์ คือ การล้างสารพิษในร่างกายไม่ว่าจะเป็น ตับ ไต หรือ ลําไส้ และการกินผลไม้ปั่นล้วน ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายกำจัดสารพิษออกมาได้ เพราะร่างกายสามารถดีท็อกซ์ได้เองตามธรรมชาติ 

การกำจัดสารพิษในร่างกายอาจจะตามมาด้วยผลข้างเคียง เช่น มีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย ฯลฯ เพราะขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายค่ะ รวมถึงอาจจะทำให้เรากลับมาอ้วนง่ายมากขึ้นได้นะคะ

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การกินน้ำผลไม้ปั่นล้วน 1-3 วัน ไม่สามารถช่วยล้างสารพิษให้ร่างกายได้ เพียงแค่จะทำให้น้ำหนักลดเท่านั้น 

MYTHS : การกินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ มากๆ จะทำให้ฟันแข็งแรง

FACTS : การกินน้ำผลไม้ปั่นมากๆ ทำให้เคลือบฟันถูกทำลายส่งผลให้อาจรู้สึกเสียวฟันหรือทำให้ฟันผุได้

หลายคนอาจจะคิดว่า หากินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้มากๆ จะทำให้ฟันของเราแข็งแรง  เนื่องจากผลไม้มีประโยชน์และผลไม้บางชนิดมีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม สตอเบอรี่ ทำให้ลดการเกิดเลือดออกตามไรฟันและทำให้ฟันแข็งแรง แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าการกินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ก็ทำลายสุขภาพฟันของเราได้เหมือนกัน โดยมีงานวิจัยเรื่อง “ผลของสมูทตี้ต่อการกัดกร่อนของเคลือบฟัน” ของคุณ Hanein Ali และ Dr. Jinous F. Tahmassebi จาก Leeds Dental Institute, University of Leeds, ในประเทศอังกฤษ งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในปี 2014 พบว่าสมูทตี้มีความเป็นกรด PH สูง สามารถกัดกร่อนเคลือบฟันได้จริง 

หลายคนอาจสงสัยว่าเคลือบฟันคืออะไร? เคลือบฟันคือส่วนด้านนอกที่สุดของฟันทำหน้าที่ปกป้องฟันจาก กรด แบคทีเรีย และสิ่งอื่นๆ ที่จะทำให้ฟันเสียหาย ดังนั้นหากเรากินน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่มีความเป็นกรดมากๆ และกินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เคลือบฟันถูกทำลาย เพราะกรดกัดกร่อนผิวฟัน ส่งผลให้ผิวฟันบางลง จะทำให้รู้สึกเสียวฟัน หรือฟันสึก ผลไม้ที่มีความเป็นกรด เช่น ส้ม มะนาว ส้มโอ เลมอน องุ่น บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ฯลฯ รวมถึงความหวานจากผลไม้ น้ำเชื่อม น้ำตาลที่นำไปปั่น อาจจะทำให้ฟันผุได้

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นคำตอบว่าทำไมการกินน้ำผลไม้ปั่นมากๆ ทำให้เคลือบฟันถูกทำลาย ซึ่งส่งผลให้อาจรู้สึกเสียวฟันหรือทำให้ฟันผุได้ค่ะ

น้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เรารับประทานเข้าไปนะคะ


Source

https://www.healthline.com/nutrition/are-smoothies-good-for-you 

https://www.nhs.uk/ 

https://www.uvureview.com/health-wellness 

https://www.diabetes.org.uk/ 

https://www.health.harvard.edu/heart-health/the-sweet-danger-of-sugar 

https://nutritionsource.hsph.harvard.edu/carbohydrates/fiber/ 

https://news.harvard.edu/gazette/story/2025/03/is-sugar-addictive/  

https://www.nccih.nih.gov/health/ 

https://hdmall.co.th/blog/c/colonic-detoxification/ 

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov 

 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

Related Articles

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว” เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี  ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้  หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง

ChatGPT

ChatGPT AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก  แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้ ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด