Social Change

เพราะเราเชื่อในการให้ที่ไร้พรมแดน

 Social Change by Sansiri

SiriBulletin_Unicef[1]-1

เชื่อว่าทุกคนในบ้านแสนสิริ ย่อมคุ้นตาคุ้นใจกับ Sansiri Social Change โครงการดีๆ ที่เมื่อเราได้รับความสุขมาเต็มอ้อมแขนแล้ว ก็ถึงเวลาปันความสุขนั้นกลับคืนสู่สังคม ล่าสุด Sansiri Social Change ได้บินไปแจกจ่ายความสุขไกลถึงประเทศซีเรีย หากเพื่อนๆ สงสัยว่าเหตุใดกิจกรรมนี้จึงเกิดขึ้น และมีเรื่องราวความประทับใจอย่างไร มาร่วมแพ็คกระเป๋า เดินทางตามรอยตัวหนังสือของบทสัมภาษณ์นี้กันดีกว่า

SiriBulletin_Unicef[1]-2

Q : ก่อนอื่นขอทำความรู้จักกับ Sansiri Social Change ให้ดีอีกครั้ง

A : Sansiri Social Change คือกิจกรรมเพื่อสังคมของแสนสิริ หรือที่เรียกว่า “Corporate Social Responsibility (CSR)” เรามีความตั้งใจในการเป็นองค์กรที่คืนกำไรกลับสู่สังคม โดยช่วยเหลือ พัฒนา แก้ปัญหาเรื่องของเด็กและเยาวชน แสนสิริเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการร่วมกับยูนิเซฟ ประเทศไทยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้เข้าใจปัญหาของเด็กและเยาวชนในประเทศไทยอีกมิติหนึ่ง ทำให้เราเห็นภาพใหญ่ของปัญหา และค้นพบศักยภาพของภาคเอกชนที่สามารถเข้ามามีบทบาทได้มากกว่าการทำโครงการบริจาคหรือกิจกรรมเป็นครั้งคราว

แต่แสนสิริเริ่มต้นศึกษาผลวิจัยต่างๆ ร่วมกันกับยูนิเซฟ วางกลยุทธ์โครงการเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายในการสนับสนุน และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืินที่สุด คือ การเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย

Q :  สำหรับโครงการที่ Sansiri Social Change เคยให้ความช่วยเหลือมา มีอะไรบ้างคะ

A : หนึ่งโครงการที่เป็นความภูมิใจของแสนสิริ ซึ่งลูกค้าของแสนสิริทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนอันน่าภูมิใจครั้งนี้ คือ การส่งความช่วยเหลือไปยังเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินในทั่วโลก 3 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้สนับสนุนกองทุนฉุกเฉินของยูนิเซฟ สำนักงานใหญ่ หรือ Emergency Fund เป็นเงินหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำไปช่วยเด็กที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือ เกิดจากน้ำมือมนุษย์

และเมื่อ 2 ปีก่อน เราได้ทำโครงการที่ชื่อว่า “Iodine Please” ที่รณรงค์ให้ประเทศไทยมีเกลือเสริมไอโอดีน เพื่อแก้ปัญหาเด็กไทยมีไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ถูกกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก และกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ณ ขณะนั้น จนสำเร็จเป็นกฏหมายเกลือเสริมไอโอดีนในที่สุด ซึ่งน้อยคนนักจะรู้ว่านี่เป็นโครงการของแสนสิริ

Q : เหตุใดคนถึงไม่รู้ว่าเป็นโครงการของเสนสิริละคะ

A : เพราะเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่ไม่มีนโยบายการทำเพื่อสร้่างภาพลักษณ์ให้องค์กร จึงเป็นโครงการที่ออกไปโดยไม่มี สัญลักษณ์ใดๆ ของบริษัทแสนสิริ แต่การทำงานเบื้องหลังจนเกิดผลสำเร็จก็เป็นความภูมิใจของผู้บริหารและพวกเราพนักงานแสนสิริทุกคน เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการต่อไปร่วมกับยูนิเซฟ ประเทศไทย เพราะเราเชื่อเหลือเกินว่าบนความตั้งใจ และเจตนารมณ์เดียวกัน จะเป็นพลังที่จะขับเคลื่อนไปสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

Q : ช่วยเล่าถึงความเป็นมาของกองทุน Emergency Fund ทำไมแสนสิริจึงเลือกสนับสนุนกองทุนนี้คะ          

A : แสนสิริได้สนับสนุนกองทุนฉุกเฉินของยูนิเซฟ หรือ Emergency Fund เป็นปีที่ 3 แล้ว กองทุนนี้จะสนับสนุนการทำงานในการช่วยเหลือเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินที่เกิดจากภัยธรรมชาติหรือเกิดจากน้ำมือมนุษย์ สำหรับปีนี้ปัญหาร้ายแรงที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนคือ ปัญหาสงครามในซีเรีย ข้อมูลจากยูนิเซฟและยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ประชากรเด็กมีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ลี้ภัยทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในซีเรีย และเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 11 ปี ถึง 740,000 คน ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศเลบานอน จอร์แดน ตุรกี อิรัก และอียิปต์

จนถึงปัจจุบัน ยูนิเซฟและหน่วยงานพันธมิตรได้ระดมความช่วยเหลือครั้งใหญ่สำหรับกับเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยในปีนี้ ได้มีการจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้แก่เด็กกว่า 1.3 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและในชุมชนต่างๆ ในประเทศรอบๆ ซีเรีย นอกจากนี้ เด็กผู้อพยพเกือบ 167,000 คนยังได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการเยียวยาทางจิตใจ เด็กอีกกว่า 118,000 คนได้รับการสนับสนุนให้ได้เรียนต่อ และประชากรกว่า 222,000 คนได้รับแจกน้ำดื่มสะอาด

Q : แสนสิริได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ที่ซีเรีย อย่างไรบ้างคะ

A : เมื่อวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แสนสิริได้รับเชิญจากยูนิเซฟ สำนักงานใหญ่ ในการเดินทางไปเยี่ยมเด็กซีเรียที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองประเทศซีเรีย ทียืิดเยื้อมามากว่า 3 ปี และ มีเด็กที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ ความยากลำบากในภาวะสงครามมากว่า 5.5 ล้านคน เด็ก 4.3 ล้านคนยังคงเผชิญกับสงครามกลางเมือง สหประชาชาติคาดการณ์ว่าจะมีเด็กมากกว่า 7 หมื่นคนต้องเสียชีวิตลงเด็กประมาณ 3.3 ล้านคนต้องออกจากระบบการศึกษาเด็กมากกว่า 1,214,226 คน กลายเป็นผู้อพยพตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

การเดินทางไปดูพื้นที่สำหรับเด็กของยูนิเซฟที่ช่วยเหลือเด็กอพยพจากซีเรียครั้งนี้ เราได้เดินทางไปยังชายแดนประเทศเลบานอน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านซีเรีย ที่ยูนิเซฟได้ทำแคมป์สำหรับเด็ก และช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ ความท้าทายของยูนิเซฟครั้งนี้คือ การดูแลเด็กอพยพที่ยังไม่ได้รับการยอมรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเลบานอน ยูนิเซฟได้ทำงานร่วมกับกลุ่ม NGO ท้องที่ ในการสร้างพื้นที่สำหรับเด็ก การให้วัคซีนจำเป็นกับเด็ก การหาน้ำสะอาดเข้าไปในพื้นที่ และเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กที่ผ่านการหนีจากสงครามอันโหดร้าย และรอคอยวันที่สงครามสงบเพื่อที่จะได้กลับไปยังบ้านของพวกเขา

 

Q : วันแรกที่เดินทางไปถึง สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ

A : เมื่อเรามาถึง Faida Informal Tented Settlement หรือพื้นที่สำหรับเด็ก ที่ยูนิเซฟ และ NGO ท้องที่ได้ทำงานร่วมกัน ในการนำเด็กกว่า 500 ชีวิตเข้ามาอยู่ในโรงเรียนชั่วคราวแห่งนี้บนพื้นที่ลานกว้างที่มีลมแรง มีเต็นท์เป็นห้องเรียนสำหรับเด็กๆ อยู่ประมาณ 8 หลัง ซึ่งคละอายุกลุ่มเด็กตามชั้นต่างๆ ในแต่ละห้องเรียน จะมีหลักสูตรการสอนที่เน้นการใช้ชีวิตและการฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กๆ เช่น การเก็บเงิน การดูแลสุขภาพตัวเอง สอนร้องเพลง และเล่นกีฬา เด็กๆ ดูมีความสุขกับห้องเรียนร้องเพลงเป็นพิเศษ

SiriBulletin_Unicef[1]-5

SiriBulletin_Unicef[1]-6

A : แล้วเราได้เตรียมสิ่งของหรือของขวัญอะไรไปมอบให้กับเด็กๆ บ้างคะ

Q : แสนสิริเดินทางไปพร้อมกับ “Child Space in the Box” ที่บรรจุอุปกรณ์กีฬาไปให้เด็กๆ เพียงแค่ไม่กี่นาที ที่เด็กๆ แกะของขวัญ เราก็เห็นเด็กชาย เด็กหญิง วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทั้งกระโดดเชือก วอลเล่ย์บอล และฟุตบอล ก่อนที่คณะเดินทางจะกลับ เราได้ของที่ระลึกจากเด็กๆ เป็นงานภาพเขียนในภาษาอาหรับ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “It is difficult to cry without tear. It is difficult to leave home without going back”

และนอกจากการเยี่ยมแคมป์ พวกเราก็ได้มีโอกาสดูการทำงานของ Unicef ในเบรุต ที่ “War Child Holland Child Friendly Space” ซึ่งเป็นที่ที่มีการทำงานของ 2 หน่วยงานของสหประชาชาติ คือ UNHCR ในการจัดการระบบลงทะเบียนช่วยเหลือผู้ลี้ภัย และ UNICEF ในการทำงานเป็นด่านแรกที่ให้วัคซีนที่จำเป็นแก่เด็กทันที ที่ได้เดินทางเข้าสู่การลงทะเบียนผู้อพยพ

A : ปัจจุบัน ในประเทศซีเรียยังต้องการความช่วยเหลือด้านไหน แล้วเราสามารถร่วมกันช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง

Q : ตอนนี้ยูนิเซฟกำลังระดมทุนอีกจำนวน 470 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ประสบภัยทั้งที่อยู่ในประเทศซีเรียและที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ ตามชายแดน โดยเงินทุนที่ได้จากการบริจาคเหล่านี้จะนำไปช่วยเหลือเด็กและครอบครัวในด้านการจัดหาน้ำสะอาดและสุขอนามัย การศึกษา สาธารณสุขและโภชนาการ และบริการด้านการคุ้มครองเด็ก

ท่านสามารถบริจาคเงินให้กับยูนิเซฟเพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในซีเรีย โดยการบริจาคออนไลน์ที่ www.unicef.or.th/supportus/th/newsPhoto.php?id=11 หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคที่ www.unicef.or.th/supportus/pdf/Donation%20Form_for%20Syria2013_Thai.pdf หรือขอรับแบบฟอร์มการบริจาคจากยูนิเซฟที่หมายเลข 02 356 9299

Q : เล่าถึงความประทับใจจากการเดินทางครั้งนี้

A : แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกัน หรือจะแตกต่างกันด้วยเชื้อชาติ วัฒนธรรม และภาษา แต่การช่วยเหลือที่ไร้พรมแดน นี้เป็นความภาคภูมิใจของพวกเราชาวแสนสิริและลูกค้าทุกท่านที่ได้ร่วมกันสนับสนุนองค์กรมาโดยตลอด แสนสิริขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่มีความตั้งใจอันดีในการช่วยเหลือเด็กๆ แม้หนึ่งน้ำใจของเราจะเป็นเพียงหยดน้ำเล็กๆ แต่เมื่อรวมตัวกันด้วยความมุ่งมั่น ย่อมกลายเป็นสายธารที่ช่วยดับปัญหาความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกได้อย่างแน่นอน

Related Articles

Rise and shine

Rise and shine: จากท่องเที่ยวถึงอสังหาฯ กับ 4 เหตุผลที่ทำให้ภูเก็ต hot ไม่เลิก

เมื่อไม่นานมานี้ Property Report ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต โดยใช้เมนู “ผัดไทย” ที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดี มาเป็นดัชนีชี้วัดค่าครองชีพที่สูงขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อว่า ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน และพัทยา ราคาเฉลี่ย “ผัดไทย” ต่อจานของภูเก็ตอยู่ที่ 55 บาท นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ (ราคา 41 บาทต่อจาน) และเชียงใหม่ (38 บาทต่อจาน) ในระดับครัวเรือน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้สร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคทั่วไป แต่หากมองในมุมของภาคเศรษฐกิจโดยรวม จากผลการสำรวจพบว่าราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นสัมพันธ์อำนาจการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักยังที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูเก็ตอยู่ตลอดเวลา

now or never

NOW OR NEVER! แซ่บ เผ็ด ร้อน กับยูนิตสุดฮอต

เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค แสนสิริตั้งใจจัดแคมเปญขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญต้อนรับไตรมาส 4 ให้แก่ลูกค้า โดยไฮไลท์สำคัญของแคมแปญ “NOW OR NEVER” นี้อยู่ที่โปรโมชั่นแบบพิเศษ ให้ลูกค้าได้ ‘แซ่บ’ กับยูนิตตกแต่งครบพร้อมอยู่ ‘เผ็ด’ กับราคาพิเศษ และ’ร้อน’ กับฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน พร้อมข้อเสนอสุดฮอตอื่นๆ อีกมากมาย

Think Outside the Book

แสนสิริกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนในโครงการ Knowledge Sharing

‘แบ่งปัน/ ความรู้/ อาชีพ/ มิตรภาพ’ 4 หลักการที่แสนสิริยึดถือเพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างจริงใจ ผ่านการแบ่งปันประสบการณ์ในการทำงานกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จากหลากหลายมหาวิทยาลัย โดยกลุ่มสถาปนิกของแสนสิริ