“เสียงหัวเราะ”
เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ

“การหัวเราะ” เปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจ
ทำให้เราคลายเครียด มีความสุขและมองโลกในแง่บวกมากขึ้น

เสียงหัวเราะสามารถเปลี่ยนโลกแสนมืดมนของใครบางคน ให้กลับมาสว่างสดใสได้ เคยไหมคะ เวลาเราเห็นใครคนหนึ่ง ไม่สดใสเหมือนเคย เราจะพยายามทำให้เขากลับมายิ้ม กลับมาหัวเราะ เพื่อที่จะทำให้เขากลับมามีความสุขได้อีกครั้ง

เสียงหัวเราะจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษที่ทรงพลังที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของผู้คนให้กลับมามีความสุข มีอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น แม้ในวันที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่ใจเราคิด หรือในวันที่เราต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เสียงหัวเราะ อาจเป็นตัวช่วยให้เราสบายใจขึ้น และเมื่อเราสบายใจ เราจะสามารถมองหาทางออกของปัญหาได้ง่ายขึ้นค่ะ

แล้วทุกคนรู้หรือไม่ว่าเสียงหัวเราะไม่เพียงแต่เยียวยาจิตใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเยียวยาความเจ็บปวดทางด้านร่างกายได้ การทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราดีขึ้น การทำให้ร่างกายของเราผ่อนคลายลง ฯลฯ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการหัวเราะจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษของมนุษย์ และเรายังเชื่ออีกว่าเสียงหัวเราะจะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ

วันนี้ 4 พฤษภาคม เป็นวันหัวเราะโลก (World Laughter Day) Mental Life by Chanisara จะพาทุกคนมาหาคำตอบว่า ทำไมเสียงหัวเราะ ถึงเปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาหัวใจและเสียงหัวเราะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายในแง่มุมไหนได้บ้าง และการหัวเราะสร้างความผูกพันได้อย่างไร รวมถึงจะมาบอกวิธีการใช้ชีวิตให้มีเสียงหัวเราะมากยิ่งขึ้นค่ะ

World Laughter Day

เสียงหัวเราะ “ยา” จากธรรมชาติที่ช่วยรักษาใจ

เสียงหัวเราะ เปรียบเสมือน “ยา” จะธรรมชาติที่ช่วยรักษาเยียวยาจิตใจของเรา ทำให้เรากลับมามีรอยยิ้ม มีความสุข กลับมามีกำลังใจในการใช้ชีวิต และยังช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น และการหัวเราะไม่เพียงแต่ทำให้เรามีความสุขเท่านั้นแต่การหัวเราะยังช่วยส่งต่อความสุขและรอยยิ้มให้กับคนรอบข้างอีกด้วยค่ะ

หลายครั้งที่เราหรือคนรอบข้างกำลังเศร้า เสียใจ ต้องเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต พบเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพียงแค่เรา ได้ยินเสียงหัวเราะ เราก็จะรู้สึกดีขึ้นใช่ไหมล่ะค่ะ เพราะ เวลาเราหัวเราะร่างกายจะหลั่งสารที่มีชื่อว่า สารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมาทำให้รู้สึกดีและมีความสุข ช่วยให้เราคลายเครียด และสบายใจมากยิ่งขึ้น เหมือนการที่เราเปลี่ยนจุดโฟกัสจากเรื่องเครียดไปชั่วขณะหนึ่ง ทำให้สมองเราได้พักนั่นเองค่ะ

การหัวเราะยังลดความโกรธได้ เพราะหากเรามองเรื่องที่โกรธอยู่ในมุมที่ตลก อาจจะช่วยลดความขัดแย้งได้ รวมถึงการหัวเราะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่เรารู้สึกว่าตอนนี้ “เราไม่โอเค” เพราะการที่เรามีอารมณ์ขัน จะช่วยให้เราสามารถมองโลกในแง่บวกได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้การหัวเราะจะช่วยให้เราคลายความโศกเศร้าได้ ลดความเครียด ความวิตกกังวล เมื่อเราสบายใจขึ้น เราจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีมากขึ้น ทำให้เราอาจจะเห็นทางออกของปัญหาได้ง่ายขึ้นและกลับมามีความสุขในการใช้ชีวิตอีกครั้ง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการหัวเราะถึงเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเรานั่นเองค่ะ 

เสียงหัวเราะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายเหมือนกันนะ

“เสียงหัวเราะ” นอกจะเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจ ให้กลับมามีความสุข ยังทำให้ร่างกายของเรา แข็งแรงขึ้นอีกด้วย เสียงหัวเราะจึงส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดังนี้

การหัวเราะทำให้ร่างกายผ่อนคลายลง เสียงหัวเราะนอกจากจะผ่อนคลายความเครียด ยังทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายลง นานถึง 45 นาที

การหัวเราะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น เสียงหัวเราะช่วยเพิ่มจำนวนแอนติบอดีในร่างกาย ซึ่งแอนติบอดีมีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสามารถต้านทานเชื้อโรคได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ

การหัวเราะบรรเทาความเจ็บปวด เมื่อเราหัวเราะ ร่างกายจะผลิตสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารที่สามารถลดความเจ็บปวดได้ชั่วคราว

การหัวเราะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาวิจัยเรื่อง Energy expenditure of genuine laughter ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร International Journal of Obesity ปี 2007 มหาวิทยาลัย Vanderbilt University ของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการที่เราหัวเราะ 10 -15 นาทีต่อวัน จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 2-10 แคลอรี เลยทีเดียวค่ะ 

การหัวเราะทำให้อายุยืนได้ จากการศึกษาวิจัยเรื่อง “Laugh Lots, Live Longer” ของประเทศนอร์เวย์พบว่า ผู้หญิงที่ชอบหัวเราะสามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ถึง 84 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวค่ะ

“การหัวเราะ” สร้างความผูกพันให้กันและกันมากขึ้น

การหัวเราะเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นการแบ่งปันความรู้สึกที่ดี ให้ซึ่งกันและกันทำให้เกิดความรักใคร่กลมเกลียวและผูกพันกันมากขึ้น การหัวเราะร่วมกันจึงทำให้เราและคนรอบข้างมีความสุข รู้สึกชีวิตมีสีสัน มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าการหัวเราะเกิดขึ้นได้ทุกวัฒนธรรมในโลก ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติไหนก็ตาม และการหัวเราะร่วมกับคนอื่น ยังทำให้สมองของเราหลั่งฮอร์โมน ออกซิโทซิน (Oxytocin) ออกมา เพราะฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาเมื่อคุณรู้สึกปลอดภัย อบอุ่นใจ เมื่อคุณมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน ครอบครัว ฯลฯ การหัวเราะจึงเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นกับตัวเราและคนรอบข้างค่ะ เช่น หากคุณไปเดทแล้วมีการหัวเราะเกิดขึ้น อาจจะทำให้คุณมีโอกาสไปเดทครั้งที่สอง หรือพ่อแม่ที่หัวเราะกับลูกจะสามารถพูดคุยและสื่อสารกันได้ดีขึ้นค่ะ จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าการหัวเราะร่วมกัน สามารถสร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นได้มากยิ่งขึ้น

How to การทำให้ชีวิตเรามีเสียงหัวเราะมากยิ่งขึ้น

การยิ้มให้มากขึ้น

เขาว่ากันว่า “การยิ้ม” คือจุดเริ่มต้นของเสียงหัวเราะ เมื่อเราเห็นอะไรที่รู้สึกพึงพอใจ ให้เรายิ้ม หรือการที่เรายิ้มให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง เช่น คนที่มาส่งกาแฟให้เราตอนเช้า คนที่เดินสวนกันตามท้องถนน คนที่ขึ้นลิฟต์พร้อมกันกับเรา ฯลฯ เพราะการอารมณ์ดีจะช่วยให้เราหัวเราะกับคนอื่นได้ง่ายขึ้น

การทำให้ตัวเองมีเสียงหัวเราะในทุกๆ วัน

การหาอะไรทำที่ตลกๆ ทำให้ตัวเองมีเสียงหัวเราะในทุกๆ วัน เช่น การดูรายการตลก การฟังเรื่องตลก การทำอะไรที่ตัวเองรู้สึกสนุกสนาน การเล่นกับสัตว์เลี้ยง การทำอะไรไร้สาระดูบ้างให้ชีวิตมีสีสัน

การมองโลกในแง่บวก

การมองโลกในแง่บวกในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เป็นเรื่องตลก แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตลกยากก็ตาม เพราะการฝึกคิดบวก อาจจะทำให้ความเครียดเบาบางลงได้

อยู่กับคนที่ทำให้มีเสียงหัวเราะ

อยู่กับคนรอบตัวที่ทำให้คุณหัวเราะ จะทำให้ตัวเราหัวเราะและอารมณ์ดีมากขึ้น 

การพูดคุยเรื่องตลกทุกวัน

หาคนคุยเรื่อง “ตลก” ทุกวัน เพื่อให้เรารู้สึกอารมณ์ดีและคลายเครียดจากสถานการณ์ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน

“เสียงหัวเราะ” จึงเปรียบเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจของมนุษย์ให้กลับมามีพลัง แข็งแรงทั้งกายและใจ ดังนั้นทุกคนอย่าลืมหัวเราะกันทุกวันนะคะ เพราะการหัวเราะทำให้พวกเราทุกคนมีความสุขค่ะ


Source

https://www.helpguide.org/mental-health/wellbeing/laughter-is-the-best-medicine

 https://www.nature.com/articles/0803353 

https://thedaily.case.edu/laughing-is-good-for-you-heres-why/ 

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26569539/ 

https://www.verywellmind.com/the-stress-management-and-health-benefits-of-laughter-3145084 

Related Articles

gentleness

เพราะความอ่อนโยนไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมหัวใจของมนุษย์

ความอ่อนโยน คือ สิ่งที่ช่วยโอบกอดและปลอบประโลมหัวใจ ให้กลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งอีกครั้ง หากพูดถึง “ความอ่อนโยน” เราเชื่อว่าหลายๆ คนมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ในตัวเองและความอ่อนโยน คือ คุณสมบัติพิเศษที่แสดงถึงความเมตตา ความใจดีและความอ่อนไหวที่อยู่ในตัวของมนุษย์ หลายคนมักซ่อนความอ่อนโยนไว้ในก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของหัวใจ  เพราะคิดว่าการแสดงความอ่อนโยนจะทำให้เราเป็นคนที่อ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วความอ่อนโยน เป็นสิ่งที่ช่วยโอบกอดและปลอบประโลมหัวใจ ไม่ว่าจะเจอเรื่องเศร้า เรื่องทุกข์ใจขนาดไหน เมื่อเราได้สัมผัสความอ่อนโยนของใครบางคน ความทุกข์ความเศร้าในใจจะเบาบางลง และช่วยให้เรากลับมามีจิตใจที่เข้มแข็งอีกครั้งค่ะ

lose friend

เพื่อน” ที่จริงใจ คือ ของขวัญล้ำค่าที่ควรมีอยู่ในชีวิต

เมื่อเราเติบโตขึ้น “เพื่อน” อาจจะหล่นหายไปบ้าง แต่ “เพื่อน” ที่จริงใจและคอยเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เรา คือ ของขวัญล้ำค่าที่ควรมีอยู่ในชีวิต  เมื่อเราเติบโตขึ้นเพื่อนเราจะน้อยลง ทุกคนว่าจริงไหมคะ? ในชีวิตคนเราอาจจะต้องพบเจอคนมากมาย ในจุดเริ่มต้นของการมีเพื่อน คนในครอบครัวเป็นคนเลือกสังคมให้เรา เช่น การเลือกสังคมโรงเรียน หรือการพาเราไปเล่นกับลูกเพื่อน และหากใครมาเล่นกับเรา เราก็จะนับว่าเขาคือ “เพื่อน” ทำให้ตอนเด็กๆ

the power of love

“พลังของความรัก” จะทำให้เราจับมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรค และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

“พลังของความรัก” จะทำให้เราจับมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรค และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ทุกคนเชื่อในพลังแห่งความรักไหมคะ ความรักสามารถเปลี่ยนแปลงใครคนหนึ่งให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ แต่ความรักไม่ได้มีเวทมนตร์พิเศษอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่ความรักเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ใครบางคน อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิมเพื่อใครอีก คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองคู่ควรกับความรัก ความสัมพันธ์นั้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมความรักถึงทรงพลัง ความรักยังมีพลังทำให้มนุษย์เราสามารถจับมือก้าวผ่านทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นจากกลไกลทางจิตวิทยา การสนับสนุนของคู่รัก และวัฒนธรรมในบริบทของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคู่รักชายหญิง หรือคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ  หากย้อนกลับไปในสมัยอดีต ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรักของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศนั้น