ช่วงต้นของโครง ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ที่แสนสิริบริจาคเงินให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ) เพื่อดำเนินการนำเด็กที่มีความเสี่ยงหรือหลุดจากระบบการศึกษากลับเข้าโรงเรียน…
เป็นช่วงที่ทีมงานเริ่มลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจปัญหาและช่วยเหลือเด็กที่ถูกระบุจากทางหน่วยงานแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะหลุดจากระบบการศึกษาในเร็ววัน ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งแรกเราได้รับทราบเรื่องราวจากเด็กจาก 6 ครอบครัว จากเรื่องราวของน้องๆ ทั้ง 6 ชีวิต ที่ทางโครงการ Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ได้เริ่มดำเนินการช่วยเหลือทันที
น้องทอง : บกพร่องทางการเรียนรู้ ไม่แน่ใจว่าจบ ป.6 แล้วชีวิตจะไปทางไหนต่อ
‘น้องทอง’ อาศัยอยู่กับแม่และยาย พ่อเสียชีวิตแล้ว แม่ทำอาชีพรับจ้างในไซต์งานก่อสร้างหารายได้คนเดียว เป็นค่าแรงขั้นต่ำ และมีปัญหาด้านพฤติกรรมคือดื่มเหล้าเป็นประจำ โดยมากทองจึงได้รับการดูแลเพียงลำพังจากยายวัยชรา หรือบางช่วงทองก็ต้องไปอยู่ที่บ้านน้า ซึ่งพอช่วยเหลืออุปการะได้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ด้านการเรียน ทองมีปัญหาการเรียนรู้บกพร่อง เรียนช้ากว่าเพื่อน ๆ แต่เขาเป็นเด็กตั้งใจเรียน และแสดงออกชัดว่าต้องการเรียนต่อชั้นมัธยมต้น โดยบอกเล่าความตั้งใจให้ครูประจำชั้นฟังบ่อย ๆ และในช่วงก่อนจบชั้น ป.6 ทองตัดสินใจเข้าหาผู้อำนวยการเพื่อแจ้งเจตจำนงว่าต้องการความช่วยเหลือเรื่องเรียนต่อ เพราะเขากังวลว่าแม่จะส่งเสียไม่ไหว ประกอบกับเรื่องที่ตนเองมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ จึงไม่แน่ใจว่าจบ ป.6 แล้ว เขาจะไปต่อในด้านการศึกษาได้อย่างไร
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือน้องทอง โดยเบื้องต้นได้ประสานไปยังโรงเรียนรุจิรพัฒน์ ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ และเป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่มีการจัดการศึกษาพิเศษ พร้อมรองรับเด็กในกลุ่มการเรียนรู้บกพร่อง โดยหลักสูตรของโรงเรียนมุ่งเน้นด้านคุณธรรมจริยธรรม หลักสูตรฝึกอาชีพ เช่น เลี้ยงไก่ไข่ ปลูกพืชผักสวนครัว งานฝีมือ ฯลฯ
“ด้วยอุปสรรคเรื่องค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การดูแลจากครอบครัว รวมถึงเรื่องการเรียนรู้ ถ้าทองเข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไป อาจเป็นไปได้ว่าน้องจะมีปัญหาด้านการเรียนจนต้องออกกลางคัน แต่ที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ทองจะได้รับการดูแลในลักษณะที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนเดิม คือเป็นหลักสูตรที่เอื้อต่อเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ มีครูที่มีประสบการณ์ดูแล และการเรียนที่ไม่หนักไปในด้านวิชาการจนน้องตามไม่ทัน ซึ่งจะช่วยประคับประคองให้น้องเรียนจนจบชั้น ม.3 ได้ ทั้งในระหว่างนั้นยังได้ค้นหาความถนัดของตนเอง หรือได้ฝึกฝนเรียนรู้ทักษะอาชีพที่จะนำไปใช้เลี้ยงตัวในอนาคตได้”
นอกจากนี้ การพักนอนประจำที่โรงเรียน ยังช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องเด็กไม่มีผู้ดูแลที่เหมาะสม ประหยัดค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง แล้วยังได้ฝึกฝนความรับผิดชอบต่าง ๆ ทักษะสังคม การดูแลแปลงเกษตรในโรงเรียน และฝึกทักษะอื่น ๆ เช่นศิลปะ งานฝีมือ ที่มีครูคอยสนับสนุนให้เด็กค้นพบทางเลือก ความสนใจ และความถนัดที่หลากหลายยิ่งขึ้น
ส่วนการส่งต่อปลายทาง โรงเรียนรุจิรพัฒน์ได้ร่วมมือกับสถาบันอาชีวศึกษาในพื้นที่ ในการเข้ามาสนับสนุนน้อง ๆ ที่มีความสามารถ มีความตั้งใจ แต่ขาดโอกาส ให้ได้เข้าเรียนต่อในระดับ ปวช. พร้อมส่งเสริมให้ไปได้สุดทางตามความสนใจและความตั้งใจ เพื่อให้เด็กที่อาจไม่ถนัดด้านวิชาการ มีโอกาสศึกษาต่อหรือค้นพบอาชีพที่จะใช้เลี้ยงตัวได้อย่างยั่งยืน
น้องต้นข้าว : บกพร่องทางการเรียนรู้ ผู้ปกครองอยากได้ตัวเด็กไว้ช่วยทำงาน
‘น้องต้นข้าว’ จบชั้น ป.6/2 ห้องเดียวกับน้องทอง จัดอยู่ในกลุ่มเด็กมีปัญหาการเรียนรู้เช่นกัน ต้นข้าวอาศัยอยู่กับลุง-ป้า ที่มีรายได้ไม่เพียงพอจะส่งเสียให้เรียนต่อ เมื่อสอบถามถึงความต้องการหรือแนวทางช่วยเหลือ ลุง-ป้า กล่าวว่า ยินดีให้หลานได้เรียนต่อถ้ามีทุนสนับสนุน แต่มีข้อแม้ว่าอยากให้น้องเรียนใกล้บ้าน เพราะจะได้เอาเวลาว่างจากการเรียนมาช่วยกันทำงานหารายได้
คณะทำงานวิเคราะห์ว่า ถ้าเป็นไปได้ต้นข้าวควรได้รับการศึกษาในโรงเรียนรุจิรพัฒน์เช่นเดียวกับทอง เนื่องจากมีการจัดการศึกษาเฉพาะทาง และหากได้เข้าเรียนพร้อมกับทอง จะช่วยในเรื่องการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่
หลังจากหารือกับผู้ปกครองของต้นข้าวอีกครั้ง ลุง-ป้ายินดีให้น้องไปเรียนที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ เพื่อประโยชน์ของตัวน้องต้นข้าว ซึ่งคณะทำงานจะพูดคุยฝากฝังกับทางโรงเรียนให้ดูแลเป็นพิเศษ
น้องเพชร : มีความบกพร่องทางสภาพร่างกาย
น้องเพชร อาศัยอยู่กับป้า (ไม่มีอาชีพประจำ) ที่ผาปก อำเภอสวนผึ้ง ส่วนพ่อผู้ทำหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดูทำงานรับจ้างที่อำเภอจอมบึงแล้วส่งเงินให้ป้าอีกทีหนึ่ง
สำหรับเรื่องการเรียนต่อ ทีแรกพ่อของเพชรวางแผนไว้ว่าหลังจบ ป.6 จะให้ไปเรียนที่จอมบึงอยู่กับพ่อ แต่เมื่อคำนึงถึงเวลาการทำงานที่เกือบเต็มวัน พ่อน้องจึงไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาดูแลน้องได้เพียงพอ ประกอบกับรายได้ที่ค่อนข้างน้อย และความบกพร่องทางร่างกายของน้องเพชร ทางครูโรงเรียนสินแร่สยามได้แนะนำให้น้องเรียนต่อที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่เรียนจบ ป.6 พร้อมกัน เนื่องจากที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ มีการจัดการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่ไม่ถนัดทางวิชาการ โดยเน้นการฝึกฝนทักษะอาชีพ ค้นหาความถนัดเฉพาะบุคคล รวมถึงเป็นโรงเรียนประจำที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
“ผลการเรียนน้องเพชรไม่ดีมาก แต่ความประพฤติดี การเรียนที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์น่าจะช่วยให้เพชรปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ได้ไม่ยาก และสามารถเรียนได้ต่อเนื่องจนจบชั้น ม.3”
น้องเตี้ย : อยากเรียนต่อ แต่พ่อ-แม่ไม่สามารถส่งเสียได้
แม้บิดา-มารดาจะมีสัญชาติไทย แต่กระนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ และไม่สามารถไปทำบัตรประจำตัวประชาชนได้ นั่นเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เมื่อ ’น้องเตี้ย’ ได้จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 ไปแล้วนั้น น้องไม่ได้เข้าเรียนต่อระดับชั้นมัธยมศึกษา
จากการติดตามของคณะทำงานได้พบ และได้สอบถามตัวนักเรียนเองและผู้ปกครอง ทราบว่ามีความประสงค์จะศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา แต่ติดตรงที่ทางฐานะครอบครัวยากจนนักเรียนอาศัยอยู่กับบิดา-มารดา ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้างและมีลูกหลายคน จึงไม่มีเงินส่งเสียให้นักเรียนเรียนต่อ น้องเตี้ยจึงอยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านแทน โดยแนวทางการช่วยเหลือ ได้ส่งตัวน้องให้สามารถไปเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมฯ ที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ร่วมกับเด็กคนอื่นๆ ต่อไป
น้องเอชือ : เด็กชาติพันธุ์ ปัญหาสำคัญทำหลุดการศึกษา
‘น้องเอชือ’ เด็กชายที่เกิดในครอบครัวชาติพันธุ์ ทำให้น้องมีสัญชาติกระเหรี่ยง และมีปัญหาเกี่ยวกับการศึกษาต่อ ท่ามกลางพี่-น้องที่มากมาย ทำให้หลังจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 ไปแล้วนั้น เอชือก็เป็นเด็กอีกคนที่ต้องหลุดจากระบบการศึกษาไปถึงหนึ่งปีเต็ม
เมื่อคณะทำงานได้ตามพบ ก็พบว่าเด็กและครอบครัวอยากให้เจ้าตัวได้ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา แต่ติดตรงที่ทางฐานะครอบครัวยากจนอาศัยอยู่มารดาและยาย ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้างและมีลูกหลายคน ส่วนบิดามีครอบครัวใหม่ ผู้ปกครองเลยไม่มีเงินส่งเสียให้นักเรียนเรียนต่อ ช่วงที่หยุดเรียนไปนักเรียนอยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำงาน เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ ในโครงการ Zero Dropout ก็ได้ประสานให้น้องได้ไปเรียนที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ เพื่อค้นหาความถนัดของตนเอง และได้ฝึกฝนเรียนรู้ทักษะอาชีพที่จะนำไปใช้เลี้ยงตัวในอนาคต
น้องวิรดา : เกือบหลุดไปเป็นแรงงาน
เพื่อนร่วมรุ่นกับน้องเตี้ยและน้องเอชือ และยังหลุดจากระบบการศึกษาไปพร้อมกันเมื่อปี 2563 จากปัญหาที่มีคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ สภาวะความยากจนของครอบครัวและปัญหาเรื่องทะเบียนราษฎร์ อย่างไรก็ตามการมาของโครงการ Zero Dropout ที่ได้เสมือนชุบชีวิตทางการศึกษาให้กับน้องวิรดาอีกครั้ง
ในวันเปิดเทอมภาคการศึกษา 2565 ที่ผ่านมา เธอและเพื่อนๆ อีก 5 ชีวิตได้มีโอกาสเริ่มต้นการศึกษาอีกครั้งที่รุจิรพัฒน์ ซึ่งเชื่อว่าแม้เพศสภาพอาจจะทำให้น้องวิรดาไม่ได้ใกล้ชิดกับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ มากนัก แต่ทั้งหมดก็จะช่วยกันในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ พร้อมมุ่งสู่การเรียนที่พวกเขาเฝ้าหวัง
จะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่องของการหลุดจากระบบการศึกษาของเด็กไทย โดยเฉพาะกลุ่มอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ มีความละเอียดอ่อนสูง ถ้าไม่ลงไปฟังเองจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าปัญหาของเด็กเหล่านี้ซับซ้อนและต้องใช้การแก้ปัญหารายกรณีจึงจะมีโอกาสที่จะสร้างโอกาสให้เด็กๆ เหล่านี้ได้