New Normal,
New way of working
การทำงานแบบปกติใหม่ ที่ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา

ในช่วงนี้หลายคนคงมีโอกาสได้ทำงานที่บ้านหรือ “Work From Home: WFH” เพื่อช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ประสบการณ์การทำงานที่บ้านของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันแน่ๆ คือ “ลดเวลาเดินทาง และเพิ่มเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น”

“แสนสิริ” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆ ของไทยที่นำแนวคิดการทำงานที่บ้านหรือ Work Form Home (WFH) มาใช้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้กับพนักงาน เพราะเราให้ความสำคัญกับทีมงาน People Strategy เริ่มต้นจาก แนวคิด Agile: New Way of Working มาปรับใช้ในการบริหารงานในองค์กรมาตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น (Digital Disruption) และกระแส New Normal หรือความปกติใหม่ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตภายใต้ข้อจำกัด กลายเป็นความปกติเคยชินที่เป็นกระแสในยุคนี้

งานที่มีประสิทธิภาพมาจากบุคลากรคุณภาพที่มีความสุข

จากแนวคิดนี้เราให้ทีมงานปรับวิธีการทำงานที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของตัวเอง เลือกวันและเวลาในการทำงานอย่างยืดหยุ่น เพื่อสร้างงานที่มีคุณภาพผลจากแนวคิดในการทำงานดังกล่าว พบว่า เราสามารถเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการประสานงานได้มากขึ้นถึง 30%

จากแนวคิดการทำงานในรูปแบบของ New Way of Working มาสู่ New Way of Life ท่ามกลางกระแส New Normal ด้วยการนำการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาทำให้เกิดประโยชน์ในการทำงานในแบบที่ทำงานที่ไหนก็ได้ แต่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้นกว่าเดิม

“แสนสิริ” นำเทคโนโลยีที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Team, OneDrive และ Yammer มาใช้ในการออกแบบการทำงานของทีมงานในแต่ละทีม ที่หัวหน้างานมีอิสระในการจัดรูปแบบการทำงานได้ตามความเหมาะสม ออกแบบการกำหนดเป้าหมายและทิศทางการทำงานให้กับลูกทีมได้อย่างอิสระ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างสร้างสรรค์ (Creative) นำไปสู่การสร้างงานอย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าการทำงานที่บ้าน กำลังกลายเป็น New Normal ของการทำงานในยุคโควิด-19 และหลัง โควิด-19 ที่ทุกคนทำงานแบบ Work and Life Balance

ออฟฟิศแนวใหม่ที่สร้างสรรค์งานพร้อมสร้างสุขให้ชาวแสนสิริ

และแนวคิดการทำงานแบบนี้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของเราที่สุขุมวิท 77 “SIRI Campus” ที่ฉีกแนวการออกแบบพื้นที่สำนักงานให้ผสมผสานระหว่างพื้นที่การทำงานและพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ของพนักงานเป็น New Normal ของ “แสนสิริ” ในปัจจุบันและอนาคต รองรับการทำงานของคนทุกเจนเนเรชั่น ที่ทำงานร่วมกัน

พื้นที่ใน SIRI Campus ออกแบบโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น Flexible Work, Connecting People และ Smart Work โดยมีเป้าหมายในการเพิ่ม Efficiency ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ, Creativity ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และ Productivity ได้ผลลัพธ์จากการทำงานที่ดีที่สุด

เราออกแบบพื้นที่การทำงานเป็นส่วนของ New way of Work ประกอบด้วย การเลือกเวลาการทำงานได้แบบตามใจชอบ (Flexible Working Time) และเลือกที่นั่งได้อย่างอิสระ(Work Anywhere Anytime) ในแบบ Culture Design Flexible Work

ในขณะเดียวกันออกแบบพื้นที่การใช้งานให้มีการเชื่อมต่อ เพื่อให้เกิดความร่วมมือ การสร้างสรรค์งานได้อย่างไร้ข้อจำกัด (Space & Facility Design)  อาทิ  ลดการกั้นห้องแบ่งโซน (partition) เพื่อสร้างสเปซภายในแต่ละชั้น เชื่อมต่อกันเป็นสเปซใหญ่เดียวกัน โซน Amphitheater เวทีพรีเซนต์หน้าบันไดไม้ขนาดใหญ่ แชร์ไอเดียพร้อมกันกับเพื่อนร่วมงาน, Pitching Stage พื้นที่นำเสนอไอเดียสำหรับสตาร์ทอัพ

Auditorium ห้องประชุมขนาดใหญ่ จุคนได้มากถึง 260คน เปรียบเสมือนศูนย์กลางของการสื่อสารติดต่อกับภายนอกและแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน, Material Library สำหรับดีไซเนอร์และนักออกแบบ ได้มาหาตัวอย่างหินเพื่อไอเดียการทำงาน โดยแผ่นหินถูกนำมาปูวางต่อกันเป็นพื้นหินสวยงาม รวมถึงมี library สำหรับพนักงานได้มาหาข้อมูลไอเดียใหม่ๆในการทำงาน

นอกจากพื้นที่ทำงานที่ออกแบบให้ไร้ขีดจำกัดและตอบโจทย์กับทุกรูปแบบการทำงานพร้อมกับการออกแบบเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์การทำงานภายใต้แนวคิดแบบ Work & Life Balance แล้ว พื้นที่สำคัญใน SIRI Campus คือพื้นที่สำหรับ New way of Life เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่เพื่อการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพของพนักงาน

โดยมีพื้นที่ Dining Space เพื่อสุขภาพด้วยเมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับพนักงานที่พร้อมเสิร์ฟทุกเวลา พื้นที่สีเขียว Live with the Nature ที่แทรกอยู่ในทุกมุมของพื้นที่สำนักงาน รวมไปถึงพื้นที่สันทนากร (Retreat หรือ Creativity Workplace) ที่แบ่งพื้นที่เป็น Co-Working Space, Relaxing Area, Dog Garden, GYM, Fitness Studio, และ Café

 

เรียกได้ว่า เป็นบรรยากาศของที่ทำงานที่ให้ทีมงานผ่อนคลายไม่ต่างจากการอยู่บ้าน เพราะเราเชื่อว่า การทำงานที่มีประสิทธิภาพเกิดจากทีมงานที่มีความผ่อนคลาย และพร้อมที่จะสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพตลอดเวลา

การทำงานที่บ้าน หรือทำงานที่สำนักงานที่มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทีมงาน การมาของโควิด-19ทำให้เราได้ทดสอบระบบการทำงานแบบ Work From Home ของเรา ที่ผสมผสานกับการทำงานที่สำนักงานภายใต้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย ว่าสามารถตอบโจทย์กับวิธีการทำงานแนวใหม่ที่มีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่เชื่อมต่อให้การทำงานในแบบ Anytime Anywhere เกิดขึ้นได้พร้อมๆ กับประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากเดิม

นับจากนี้ไปจะไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม ความใหม่ในวันนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติในวันพรุ่งนี้เป็นแนวทางการทำงาน ที่แสนสิริได้ก้าวข้ามข้อจำกัดและเปิดกว้างทุกรูปแบบของการทำงานเพื่อการสร้างสรรค์บ้านที่มีคุณภาพเพื่อลูกค้าและคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงานของเรา

Related Articles

SansiriSustainability-Everydaybetter-Sansiri green mission-Sansiri Netzero-Siricampus

กิจวัตรเพื่อความยั่งยืน ที่สิริ แคมปัส

แสนสิริกับความมุ่งมั่นในการทำสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสังคม เพื่อโลกที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน เราเริ่มต้นจากภายในองค์กรด้วยการติดตั้งป้ายในทุกชั้น ทุกแผนกเพื่อปลูกฝังให้พนักงานมีความเข้าใจ และมีเป้าหมายร่วมกัน ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การทำงานหันมาใส่ใจกันและกัน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยยึดหลักความมุ่งมั่นใน 4 แกน ทั้ง Social เชื่อในความเท่าเทียม และการแบ่งปันให้สู่ชุมชน, Energy จัดการกับทรัพยากร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, Green เพิ่มพื้นที่สีเขียว

SIRI CAMPUS ออฟฟิศสไตล์ใหม่ ที่ทำให้คิดถึง “วันจันทร์”

เช้าวันจันทร์ทำงานเมื่อไร แล้วหัวใจห่อเหี่ยวทุกที แถมต้องคอยนับถอยหลังทีละวัน ตั้งหน้าตั้งตารอวันศุกร์อย่างใจจดใจจ่อ ยิ่งพนักงานออฟฟิศอย่างเราๆ ด้วยแล้ว การอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ตลอดทั้งวัน ใครจะไม่รู้สึกเบื่อล่ะ แต่ออฟฟิศของแสนสิริ จะเปลี่ยนทุกเช้าของพนักงานให้สดใส และกระตุ้นให้อยากรีบตื่น ลุกออกจากเตียง แล้วพุ่งตัวมาทำงาน ด้วยความที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างบ้าน คอนโด และทาวน์โฮมคุณภาพดี ให้ลูกบ้านได้แฮปปี้กันไปไม่รู้กี่โครงการแล้ว แต่แสนสิริก็ไม่ลืมว่า หัวใจสำคัญของการสร้างคุณภาพชีวิตที่มีความสุขให้กับลูกบ้าน

Social Distancing

Social Distancing at SIRI CAMPUS ห่างกันสักพัก รักตัวเองก่อนดีกว่า

“Social Distancing” คำไม่คุ้นเคย ที่กลายมาเป็นสิ่งที่เราเริ่มคุ้นชินขึ้นที่ละนิด พร้อมกับเห็นคุณค่าของการห่างกันสักพัก ที่ไม่ใช่เพื่อไปรักคนอื่นมากกว่า แต่เพื่อจะรักตัวเองก่อนให้มากยิ่งกว่าเดิมนั่นเอง แม้ในช่วงราวๆ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ หลายๆ คนต้องไกลกัน คนทำงานต้องย้ายฐานทัพกันไปอยู่ที่บ้านหรือคอนโดส่วนตัว รวมทั้งอดทนกับการใช้ชีวิตแบบเว้นห่างระยะทางสังคม เราก็ต่างเข้าใจดีว่าทั้งหมดนั้นก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเรานั่นเอง ตอนนี้บางคนเริ่มกลับไปใช้ชีวิตปกติมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่การเว้นระยะก็น่าจะยังเป็นเรื่องที่จะอยู่กับเราไปอีกสักพักเลยทีเดียว ที่ SIRI