เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสมัยใหม่ สิ่งเก่าๆ มักจะถูกแทนที่ด้วยสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่อยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงวันเก่าๆ
และนี่คือการกลับมาของ “โกดัก” แบรนด์กล้องฟิล์มในตำนาน ยุค 80
กลับมาครั้งนี้มาในชื่อ “Kodak Printomatic” ที่ได้ผสานความเป็น Analog และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่โดดเด่น จึงทำให้กล้องตัวนี้เป็นกระแสให้ต้องสั่งจองล่วงหน้ากันนานนับเดือน แสนสิริบล็อกเองก็ไม่พลาดที่จะหยิบมารีวิวให้ทุกคนได้ทำความรู้จักให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน
Kodak Printomatic มาพร้อมสีสันที่สะดุดตาแบบ Two Tone ซึ่งมีให้เลือก 2 เฉดสี คือ เหลือง-ขาว และ สีเทา-ขาว ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย และขนาดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กเพียงฝ่ามือจึงเหมาะมากที่จะพกติดตัวไปบันทึกความทรงจำในวันสบายๆ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากกล้องดิจิทัลทั่วไป และให้การถ่ายรูปของคุณสนุกสนานมากขึ้น
ส่วน Spec ที่ให้มาก็เพียงพอกับการใช้งาน ด้วยความละเอียด 10 ล้านพิกเซล มาพร้อมแฟลชอัตโนมัติที่จะทำงานเมื่ออยู่ในสภาวะแสงน้อย บวกกับรูรับแสงขนาด 2.2 จึงช่วยให้รับแสงได้ดียิ่งขึ้น
ระยะ 8mm และระบบออโต้โฟกัสของรุ่นนี้ ช่วยให้การถ่ายภาพสะดวกยิ่งขึ้น ให้คุณเอ็นจอยกับการถ่ายภาพในทุกโมเม้นท์ และนานยิ่งขึ้นด้วย Lithium Ion Battery ที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องแบบ Built-In สามารถชาร์จได้ด้วยสาย USB ที่ให้มาในกล่องได้อีกด้วย
Advance Optical Viewfinder T6 ช่องมองภาพที่ให้ความรู้สึกแบบ Analog เป็นอีกความรู้สึกที่นานมาแล้วที่เราไม่ได้สัมผัส และมาพร้อมกับกรอบบอกระยะรูปภาพ ที่สะท้อนเมื่อแสงผ่านเข้าช่องมองภาพ ช่วยให้เห็นได้ชัดเมื่อถ่ายในที่มีแสงมากและต้องหรี่ตา
Highlight ที่ทำให้กล้องตัวนี้แตกต่างจากกล้อง Polaroid และ Instant Camera แบบทั่วๆ ไป คือการผสานฟังก์ชั่นแบบ Analog และ Digital เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยระบบถ่ายภาพแบบที่บันทึกลงแผ่นฟิล์ม และ SD Card ไปพร้อมๆ กัน ทำให้คุณได้ภาพจากฟิล์ม และรูปที่ถ่ายนั้นสามารถนำไปลงคอมพิวเตอร์เพื่อนำไปตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อใช้ในโอกาสที่ต่างออกไป
และอีกจุดเด่นหนึ่งของโกดักตัวนี้ คือ การเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพได้ถึง 2 โหมด ที่ให้คุณเลือกได้ว่าจะบันทึกความทรงจำให้มีสีสันสดใสก็ปรับเป็น Color Mode แต่หากต้องการบันทึกความทรงให้ดูคลาสสิคข้ามกาลเวลา ก็สวิตซ์มาที่ Black & White Mode ได้ทันทีง่ายๆ
รวมถึงกระดาษชนิดพิเศษที่ Kodak Printomatic นำมาใช้ คือกระดาษฟิล์ม “Zink” ขนาด 2×3 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยี Zero Ink โดยจะบรรจุแม่สีหลักลงไปในเนื้อกระดาษ ทำให้กล้องรุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีตลับหมึก ก็สามารถ Print รูปออกมาให้มีสีสันสวยงามได้ทันที อีกทั้งยังเคลือบสารกันน้ำช่วยให้เก็บรักษารูปภาพได้ยาวนานอีกด้วย
จำนวนกระดาษมีให้เลือก 2 ขนาดบรรจุ คือ 20 และ 50 แผ่น เมื่อแกะซองออกมาจะพบแผ่นกระดาษสีฟ้า และแผ่นกระดาษฟิล์ม เมื่อใช้งานให้ใส่แผ่นสีฟ้านี้เข้าไปในกล้องด้วย เพราะมันคือแผ่นสำหรับให้กล้อง Calibrate สี และต้องกดถ่าย 1 ครั้งแล้วแผ่นสีฟ้านี้จะออกมาจากกล้องเองอัตโนมัติ
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับการรีวิวกล้อง Kodak Printomatic กับความน่ารักและฟังก์ชั่นน่าใช้ ที่ชวนให้คนรักกล้องยุคใหม่กลัับมาสนใจความคลาสสิคอีกครั้ง ซึ่งคราวหน้าหากมีอะไรน่าสนใจแสนสิริบล็อกจะรีบคว้ามาอัพเดทให้ดูกันแน่นอน
หากคุณสนใจดีไซน์ ไลฟ์สไตล์ และไอเดียการตกแต่งบ้าน สามารถหาแรงบันดาลใจได้ที่ คลิก