‘หินอ่อน’ งานศิลป์จากธรรมชาติที่คงความงดงามทุกยุคสมัย
ความงดงามเหนือกาลเวลาของ ‘หินอ่อน’ ดึงดูดความสนใจจากผู้หลงใหลในงานดีไซน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หินอ่อนเป็นวัสดุที่เหล่าสถาปนิกและศิลปินทั่วโลกเลือกใช้ในการรังสรรค์ผลงานมาสเตอร์พีซอยู่เสมอ ด้วยสัมผัสของพื้นผิวและลวดลายอิสระที่อยู่เหนือความคาดหมาย ทำให้หินอ่อนแต่ละชนิดเป็นผลงานจากธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ คุณค่าเหล่านี้ทำให้หินอ่อนเป็นวัสดุที่มีมูลค่าสูงและส่งเสริมรสนิยมได้เป็นอย่างดี
หินอ่อนแต่ละชนิดต่างมีเส้นทางและเรื่องราวของตัวเอง เช่นเดียวกับหินอ่อนที่ถูกคัดสรรมาใช้ ณ โครงการใน Sansiri Luxury Collection ที่ผ่านเส้นทางบรรจงพิถีพิถันในการเฟ้นหา จากนั้นนำมาประดับประดาอย่างประณีต ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดของผู้อยู่อาศัยของเรา
Statuario ราชีนีแห่งหินอ่อน
หากพระนางคลีโอพัตรา คือหญิงสาวที่หน้าตาสวยที่สุดในโลกตามตำราสัดส่วนทองคำโบราณ หินอ่อน Statuario จากประเทศอิตาลี ก็คือจักรพรรดินีแห่งหินอ่อนที่งดงามเหนือใครเทียบ โดดเด่นด้วยความแข็งแกร่งในเนื้อหินและลวดลายที่น่าหลงใหลมากกว่าหินอ่อนชนิดใดๆ ตลอดทุกยุคสมัยยังคงความเป็นที่ต้องการของนักออกแบบชั้นนำทั่วโลก
แน่นอนว่าการเสาะหา ‘หินอ่อนที่ดีที่สุดในโลก’ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ไปยังเมือง Carrara ประเทศอิตาลี มุ่งหน้าสู่เหมือง Staturio พื้นที่เดียวในโลกที่มีหินอ่อนงดงามหายากราคาแพง อัตลักษณ์ของเนื้อหินสีขาวสะอาดถูกแต้มแต่งด้วยลายสายแร่ขนาดใหญ่สีเทา ดูงดงามน่าหลงใหล
หินอ่อน Staturio ถูกนำมาตกแต่งที่ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียม 98 Wireless ซึ่งกว่าจะได้มาแต่ละชิ้น CEO อย่าง ‘คุณเศรษฐา ทวีสิน’ และทีมงาน ต้องลงทุนลงแรงเดินทางไปยังเหมืองด้วยตัวเองเพื่อสัมผัสเนื้อหินที่แท้จริง และคัดสรรอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ชิ้นต่อชิ้น ลายต่อลาย
การเคลื่อนย้ายหินอ่อน Staturio ที่มีมูลค่าสูงมาก ผู้เชี่ยวชาญต้องค่อยๆ ตัดหินจากเหมืองทีละแผ่นแล้วนำมาเรียงต่อกันเพื่อให้ลวดลายไม่ขาดตอน สวยงามหมดจดไร้ที่ติ เรียงร้อยต่อลาย Bookmatch เหมือนการรังสรรค์ชิ้นงานศิลปะขนาดใหญ่ ใช้ทั้งเวลาและความประณีต จนได้มาซึ่งลวดลายเฉพาะตัวที่แตกต่างกันในแต่ละห้องของโครงการ 98 Wireless
Moleanos Limestone ละมุนละไมใต้ความแข็งแกร่ง
หินอ่อนทรงเสน่ห์อีกชนิดที่ถูกคัดสรรมาใช้ที่ 98 Wireless หินจากประเทศโปรตุเกส Moleanos Limestone โดดเด่นด้วยความแข็งแกร่ง แต่ให้สัมผัสทางสายตาที่นุ่มละมุนด้วยสีเบจ แซมด้วยลวดลายกระเล็กๆ สีน้ำตาล ผิวของหินมันเงางาม ให้สัมผัสเย็นสบาย
ภายใต้รูปลักษณ์ที่ละมุนละไมแต่หินชนิดนี้มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษ ตอบโจทย์การใช้งานในสถาปัตยกรรมเกือบทุกรูปแบบ ใช้ได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง โดยทีมงานแสนสิริได้ทดสอบความทนทานด้วยการตั้งไว้กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบด้วยวัสดุที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
ที่ 98 Wireless โครงการที่ถูกนิยามว่าดีที่สุดในภูมิภาค หินอ่อน Moleanos Limestone พบเห็นได้ที่ผนังน้ำตก อันเป็นงานคราฟต์รูปปฏิมากรรมหัวสิงห์ นอกจากนี้ยังถูกจัดวางที่บริเวณ Gampu Lounge และ Wireless Hall เคียงคู่กับหินแกรนิต Absolute Black Granite ที่มีสีเข้ม สีขัดแย้งตรงข้ามผลักดันความโดดเด่นของกันและกัน สวยงามมีเสน่ห์ มองได้ไม่รู้เบื่อ
Blue Sodalite อัญมณีเลอค่าในงานสถาปัตยกรรม
ตั้งแต่อดีต หินคือหนึ่งในวัสดุที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เป็นอัญมณีเลอค่าที่นอกจากสวมใส่เพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีความเชื่อว่า ผู้ใดได้ครอบครอง Blue Sodalite ผู้นั้นจะพบกับความอบอุ่นใจ ได้โอบกอดความปลื้มปิติยินดีไปชั่วชีวิต
Blue Sodalite เป็นหินอัญมณีหายากจากประเทศโบลิเวีย สะกดสายตาเมื่อแรกเห็นด้วยสีน้ำเงินลุ่มลึกแทรกด้วยลวดลายสีขาวดำ นับเป็นหินที่หายากและราคาสูง เรามักคุ้นเคยกับ Blue Sodalite ในรูปแบบเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ แต่ที่โครงการ The Monument Sanampao หินชนิดนี้ถูกนำมารังสรรค์เป็น Main Entrance ขนาดใหญ่ เมื่อได้ก้าวเท้าเข้ามายังโครงการ ผู้อาศัยและผู้มาเยือนจะรู้สึกเสมือนได้ก้าวเข้ามาชมงานศิลป์ชิ้นพิเศษจากศิลปินเอก ให้ความรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกพบ
Palissandro Classico หินอ่อนในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์
ค้นพบความงดงามของหินอ่อนลวดลายแปลกตาที่ล็อบบี้ของโครงการ The Monument Thong Lo หินอ่อน Palissandro Classico ที่มีลวดลายคล้ายไม้ Rosewood มีเอกลักษณ์ด้วยเส้นแร่สีน้ำตาลประกายทองแทรกอยู่ทั่วเนื้อหิน ส่องประกายแวววาวเมื่อกระทบแสง
Palissandro Classico คือหินอ่อนเก่าแก่จากยุคโรมัน ถูกค้นพบครั้งแรกที่เหมือง Domodossola ชายแดนสวิสเซอร์แลนด์ ผ่านกาลเวลามาหลายยุคสมัยก็ยังได้รับความนิยมในวงกว้างด้วยความระยิบระยับมีระดับ แม้แต่วิหารเก่าแก่ชื่อดังหลายแห่งของอิตาลีก็ประดับด้วยหินชนิดนี้ ทั้ง Duomo di Milano, Cathedral of Milan และ Cathdral of Pavia
Cipollino Rosso เข้มขรึมเป็นเอกลักษณ์
โทนสีที่พบได้ยากในหินอ่อน คือสีแดงและสีดำ จึงทำให้ Cipollino Rosso มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึงประมาณตารางเมตรละ 11,000 บาท
เพื่อให้ได้หินอ่อน Cipollino Rosso ที่ดีที่สุด ทีมงานแสนสิริเดินทางไปเลือกถึงประเทศอิตาลี เสาะหากว่า 3 เมือง เพื่อตามหาที่สมบูรณ์แบบ คัดสรรแผ่นต่อแผ่นอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ลวดลายที่งดงามที่สุด นำมาวางเรียงร้อยต่อกันเป็นลาย Bookmatch ที่ลงตัว
หินอ่อน Cipollino Rosso ถูกนำมาตกแต่งในคลับเฮาส์ของ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ ซึ่งมีคอนเซ็ปต์คือ ‘Canyon’ มากกว่าความทนทานหินชนิดนี้ยังได้ทำหน้าที่เติมเต็มความงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสีสันแปลกตา มองได้ไม่รู้เบื่อ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและมั่นคงดั่งหินผา ลวดลายคล้ายคลื่นซัดที่ทำให้รู้สึกถึงธรรมชาติและผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง
หินธรรมชาติสีเทา นวัตกรรมจากประเทศเยอรมนี
เมื่อความสวยงามตามธรรมชาติมาบรรจบกับเทคโนโลยี จึงเกิดเป็นความโอ่อ่าสวยงามที่ Bugaan Yothinpattana ด้วยการคัดสรรหินธรรมชาติสีเทา นำมาประดับประดา Facade เพื่อให้บ้านแต่หลังมีสีสันลวดลายเฉพาะตัว ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
ด้วยเทคนิค Stone Surface คือการลอกหน้าผิวของหินธรรมชาติ จึงทำให้เราได้ความสวยงามของพื้นผิวนำมาประดับประดาได้โดยไม่ต้องเพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างบ้าน สร้างผิวสัมผัสและลวดลายของหินธรรมชาติ ลุ่มลึก มีมิติ สร้างเสน่ห์ที่หินสังเคราะห์ไม่สามารถลอกเลียนได้
แสนสิริมีความเชื่อว่า การเลือกใช้วัสดุในงานสถาปัตยกรรมนั้นไม่ใช่เพียงแค่การมองหาของราคาแพง แต่ยังต้องมีความพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด รู้จักและเข้าใจในธรรมชาติของวัสดุอย่างถ่องแท้ มองเห็นความโดดเด่นสวยงามและเอกลักษณ์ที่หินอ่อนแต่ละชนิดมีอยู่ในตัว เพื่อนำมาใช้ได้อย่างมีคุณค่ามากที่สุด
เพราะนิยามของ Luxury อาจไม่ใช่แค่ตัวเลขราคาที่สูงส่ง แต่คือความคราฟท์ในทุกดีเทล การใส่ใจในทุกขั้นตอน มองเห็นแม้จุดเล็กๆ
ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจที่แสนสิริอยากส่งมอบให้กับผู้อยู่อาศัยเพื่อประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุด