ถึงแม้ว่าเทศกาลตรุษจีนจะไม่ใช่วันหยุดราชการตามปฏิทินของบ้านเรา แต่ว่าทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนและคนไทยต่างก็ให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้ไม่แพ้วันอื่นๆ อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมจีนที่แทรกซึมอยู่ตามที่ต่างๆ ทั้งในชุมชนและสังคม เป็นจุดเชื่อมโยงและผนวกรวมเทศกาลตรุษจีนให้เข้าถึงได้มากขึ้นไม่ว่าคุณจะมีเชื้อชาติไหนก็ตาม และหากมองเข้าไปดูเจตนาที่แท้จริงของเทศกาลตรุษจีนแล้ว ก็จะพบว่าเป็นวาระแห่งการทำความดี เกิดการแลกเปลี่ยน การให้ การอวยพร และความปรารถนาดีต่อกันและกัน ทั้งกับวงศ์ญาติในครอบครัว และกัลยาณมิตรที่สนิทสนม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนในสังคมยังให้ความสำคัญกับ ‘ตรุษจีน’ ไม่น้อยลงไปกว่าเดิม
อันที่จริงแล้ว เราอาจกล่าวได้ว่าวิถีปฏิบัติและธรรมเนียมของเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยนั้น เก่าแก่กว่าคติความเชื่อในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เสียอีก ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะชาวจีนมณฑลกวางตุ้งที่อพยพ ได้นำวัฒนธรรมเหล่านี้ติดตัวมาด้วย ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมโดย เหมา เจ๋อ ตุง ที่ทำลายล้างความเชื่อเก่าทุกอย่างให้หมดไป และสร้างความเชื่อชุดใหม่เข้ามาในสังคมแทน
สำหรับธรรมเนียมปฏิบัติในเทศกาลตรุษจีน เราจะแบ่งออกเป็นดังนี้ คือต้องมีวันจ่าย, วันไหว้ และวันถือ ตามลำดับ ซึ่งคำว่า ‘วันตรุษจีน’ ที่ปรากฏอยู่ในปฏิทินจะนับเป็นวันถือ วันที่เราจะออกไปเที่ยว เลี้ยงฉลองกับคนในครอบครัว และปฏิบัติตามความเชื่อที่ส่งทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีทั้งสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ เป็นกุศโลบายที่บรรพชนได้คิดไว้อย่างแยบยลและลึกซึ้ง
คนจีนเป็นชนชาติที่รักพวกพ้องและสายเลือดของตัวเองมาก จึงไม่แปลกที่จะเกิดการรวมตัวขึ้นในเทศกาลสำคัญที่สุดของปีเช่นนี้ ลูกหลานที่เติบโตและขยับขยายครอบครัวออกไป จะกลับมาเยี่ยมเยียนพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่พวกเขาเคารพรัก ปกติงานรื่นเริงอย่างนี้จะจัดที่บ้านของพ่อแม่ หรือสถานที่โอ่โถ่ง กว้างขวาง สามารถรองรับคนได้จำนวนมาก และนอกจากความรัก ที่พวกเขานำมามอบให้แล้ว ยังมีของติดไม้ติดมือที่เป็นสิริมงคลตามความเชื่อของคนจีนอีกด้วย เช่น ซองอั่งเปาสีแดงที่ถือเป็นการให้โชคตั้งแต่ต้นปี อาหารประเภทเส้นอันหมายถึงชีวิตหยืนยาว หรือจะเป็นส้ม ผลไม้มงคลยอดนิยมในช่วงนี้
คำว่าส้มในภาษาจีนแต้จิ๋วนั้น ออกเสียงว่า ‘กิก’ ซึ่งไปพ้องกับความหมายที่ว่า ‘ความสุขและโชคลาภ’ ส้มจึงเปรียบเสมือนคำอวยพร ที่ผู้ให้อยากบอกกับผู้รับอย่างจริงใจ เช่นเดียวกับแสนสิริที่มอบกระเช้าส้มมงคลให้แก่ลูกบ้านทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวย่านพุทธมณฑล อย่าง นาราสิริ ปิ่นเกล้า – สาย 1, นาราสิริ พระราม 2 และ เศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนาฯ รวมทั้งหมด 44 กระเช้า เพื่อเป็นการสวัสดีปีใหม่และยึดถือประเพณีอันดีงามให้สืบทอดต่อไป
กระเช้าส้มมงคลที่ลูกบ้านทุกคนได้รับนั้น ถูกจัดเรียงอย่างใส่ใจที่แผนกกูร์เมต์ มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ประกอบด้วย ส้มพอร์คอตจากประเทศออสเตรเลียจำนวน 8 ลูก ประดับด้วยช่อดอกเหมยสีทอง สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสุข พร้อมป้ายอวยพรภาษาจีนที่เขียนว่า 新年大吉 恭喜发财 แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘ยินดีปีใหม่ โชคลาภมา’ ซึ่งบรรยากาศในวันนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความผูกพันที่ดีระหว่างแสนสิริและลูกบ้านทุกคน
นอกจากข้อควรปฏิบัติแล้ว ยังมีข้อห้ามอีกบางประการที่ยังคงยึดถือกันมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น ห้ามทำความสะอาดบ้าน เพราะจะเป็นการปัดกวาดเงินทองและโลคลาภออกไปจากบ้าน ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะกัน แต่ควรจะพูดกันแต่สิ่งดีๆ ในวันปีใหม่ เพื่อเป็นการเริ่มต้นวันแรกของปีอย่างสวยงาม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากเรานั่งพิจารณาถึงความเชื่อเหล่านี้แล้ว ก็จะเห็นว่ามีแต่ความตั้งใจดีเพื่อให้ชีวิตของเราก้าวไปข้างหน้า อย่างแข็งแกร่ง ปราศจากความคิดอันมัวมอง และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่เสมอ นี่ต่างหากคือหน้าที่ของประเพณีที่ขับเคลื่อนคนในสังคมไปด้วยกัน