“องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้บรรจุ ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ burnout ลงในบัญชีโรค และอาการผิดปกติต่างๆ ในคู่มือวินิจฉัยและจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ (ICD) ฉบับปรับปรุงล่าสุด มีผลบังคับใช้ในปี 2022”
ข้อมูลจาก who.int สื่อให้เห็นว่า ในแต่ละวันเราใช้เวลาในการทำงานโดยเฉลี่ยถึง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมด ความสุขในด้านอาชีพการงานจึงถือเป็นพื้นฐานสำคัญมากๆ ของการมีชีวิตที่ดี หลายคนอาจมีคำถามว่า การมีชีวิตที่ดีควรเริ่มจากอะไร คำตอบง่าย ๆ และใกล้ตัวคือ เริ่มได้จากการทำงาน เพราะหากเราทำงานเป็น นอกจากจะได้ผลงานที่ดีแล้ว ก็สามารถเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตได้ด้วย ลองตามมาดูวิธีที่จะจัดสมดุลให้กับทั้งหน้าที่การงานและชีวิตกัน
จัดการเวลาให้ดี ตั้งแต่เนิ่นๆ
เมื่อได้รับมอบหมายงานหลาย ๆ อย่างมาในเวลาพร้อมกันหรือใกล้เคียงกัน สิ่งแรกที่คุณควรทำ ไม่ใช่การก้มหน้าก้มตาทำงานทันที เพราะนั่นอาจทำให้คุณเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ และอาจทำงานชิ้นสำคัญไม่ทัน สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ว่าอันไหนควรทำก่อนหรือทำทีหลัง แต่ควรใช้เวลากับงานแต่ละชิ้นนานเท่าไร วางออกมาเป็นไทม์ไลน์ชัดเจน
นอกจากจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดความเครียดที่เกิดจากภาวะการทำงานไม่ทันอีกด้วย
ใช้เทคโนโลยีให้เป็น เซฟได้มาก
ใครบอกว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้ดึงเวลาจากชีวิตเรา เพราะหากมองในมุมกลับกัน หากเราใช้เทคโนโลยีให้เป็น จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก เพราะในปัจจุบันมีเทคโนโลยีให้เลือกปรับใช้กับการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฝากไฟล์ไว้ในไดร์ฟผ่านระบบอินเตอร์เนต ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญหายของไฟล์งานในคอมพิวเตอร์ได้
การส่งงาน ซึ่งในปัจจุบันทำได้หลายทาง เพียงคลิกเดียวอีกฝ่ายก็ได้รับทันที หรือจะเป็นการทำงานร่วมกันในลักษณะของการแชร์ไฟล์ที่จะมองเห็นการแก้ไขของเพื่อนร่วมงานได้แบบเรียลไทม์ ไม่ต้องเสียเวลาส่งไฟล์แก้ไขกันไปมา นอกจากนี้ยังทิ้งคอมเม้นต์ไว้ได้ทันที เพียงเท่านี้ก็ช่วยเซฟเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมาก
เลิกงานแล้ว ก็ควรปล่อยวางบ้าง
ไม่ได้หมายความว่าถ้าเลิกงานคือห้ามยุ่งโดยเด็ดขาดเลย แต่ควรทำอย่างพอดี ไม่ใช่นั่งเช็คอีเมลบริษัทตลอดเวลาแม้แต่นอกเวลางานจนดึกดื่น เพราะหากทำเช่นนั้นคุณจะสูญเสียเวลาที่จะใช้ในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ของชีวิต หรือเสียเวลาอันมีค่าที่จะได้ใช้กับคนสำคัญอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อน แฟน หรือแม้กระทั่งกับตัวคุณเอง หากคุณไม่รู้จักปล่อยวาง อาจจะทำให้คุณตกอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดตลอดเวลา จนก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมายได้
ทำในสิ่งที่รัก ชีวิต-งานไม่ต้องแบ่งแยก
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “หากเราได้ทำงานที่เรารัก ในชีวิตนี้เราจะไม่รู้สึกเหมือนต้องทำงานอีกเลย”
น่าจะเป็นวลีที่จริงแท้แน่นอน เพราะการได้ทำในสิ่งที่รัก ทำในสิ่งที่หลงไหล คุณจะรู้สึกว่าอยากทำมันอยู่เสมอ ๆ ไม่รู้สึกว่ากำลังถูกบังคับ และไม่รู้สึกเบื่อ ในทางกลับกันหากคุณทำงานที่ไม่ชอบไม่รัก คุณจะรู้สึกแย่ และไม่มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างงานดี ๆ จนอาจจะรู้สึกไม่ชอบวันทำงาน เกลียดวันจันทร์ และอยากลาออกจากงานของคุณในที่สุด ดังนั้นคุณควรถามตัวเองให้ดีก่อนว่า อะไรคือสิ่งที่คุณรัก หรือสิ่งที่คุณสนใจที่จะทำ แล้วคุณจะมีชีวิตส่วนตัวและชีวิตงานที่ทำให้คุณมีความสุข
ความสุขของคนเรา บางครั้งก็อยู่ใกล้ ๆ เพียงนิดเดียว อย่างเรื่องอาชีพการงาน เพราะบางครั้งการประสบความสำเร็จในชีวิตอาจไม่ใช่การมีเงินทองมากมายหรือร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี
แต่เกิดจากการได้ใช้ชีวิตไปพร้อม ๆ กับการทำงานที่มีความสุข