การยอมรับและเยียวยาจิตใจ
หลังสูญเสียคนในครอบครัว 

“เวลา” เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต
เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก
จงใช้เวลา ดูแลเอาใจใส่ คนที่เรารักให้มากที่สุด

การสูญเสียเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอในชีวิตอยู่ที่ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ สิ่งที่เราควรจะทำและต้องทำให้ได้คือ การยอมรับความจริงและเดินต่อไปให้ได้ ทำหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด เข้มแข็ง อดทน เพื่อไม่ทำให้คนที่จากไปและคนที่อยู่ในชีวิตเราเขาเป็นห่วงรวมถึงเราต้องเข้มแข็งให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้เยียวยาจิตใจคนอื่นในครอบครัว

เราทุกคนเป็นมนุษย์คงไม่มีใครหลีกหนีการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ เพราะสิ่งเหล่านี้คือธรรมชาติของชีวิต แต่เมื่อเราต้องสูญเสีใครสักคนที่เป็นที่รัก ที่มีความผูกพันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจใช่ไหมล่ะค่ะ แต่เราเชื่อว่าเวลาจะเยียวยาหัวใจของเราให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นเราจะยิ้มได้ สดใส และกลับมามีพลังในการใช้ชีวิต 

วันนี้ Mental Life by Chanisara จะชวนทุกคนมาย้อนคิดถึงคุณค่าของเวลาที่ทุกคนมีอยู่ในชีวิต ระยะเวลาของความเศร้าและวิธีเยียวยาจิตใจหลังสูญเสียคนที่เป็นที่รักในครอบครัวกันค่ะ

เมื่อเวลาเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต

เมื่อการสูญเสียคนที่รักหรือคนในครอบครัวเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องพบเจอและผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิตไปให้ได้ เราไม่รู้เลยว่าวันสุดท้ายของชีวิตของคนที่เรารักจะมาถึงเมื่อไหร่ บางคนอาจมีเวลาทำใจ แต่บางคนกลับไม่ได้มีเวลาตั้งตัวด้วยซ้ำ  สำหรับเรา ”เวลา” จึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต เพราะเราทุกคนไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก จงใช้เวลากับคนที่เรารักให้คุ้มค่าที่สุด ดูแล เอาใจใส่ แสดงความรัก ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่เรายังมีเวลา เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าลืมกลับไปหาคนที่คุณรักและใส่ใจเขาให้มากที่สุดกันนะคะ

ระยะเวลาของความเศร้า 

หลังเกิดการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จะมีระยะเวลาของความเศร้า 5 ระยะด้วยกัน เรียกว่า “5 Stages of Grief” ทฤษฎีนี้คิดค้นโดย อลิซาเบธ คูเบอร์ รอส (Elisabeth Kübler-Ross) จิตแพทย์ชาวอเมริกัน – สวิส ซึ่งศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสูญเสียและพบว่า 

ระยะที่ 1 ปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น (Denial) ยอมรับไม่ได้ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่เพียงความฝัน

ระยะที่ 2 โกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (Anger) อาจจะโทษสิ่งรอบข้าง อารมณ์ขึ้นใส่คนใกล้ชิด พยายามหาเหตุผลของการสูญเสีย

ระยะที่ 3 การต่อรอง อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (Bargaining) อยากเปลี่ยนความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

ระยะที่ 4 การซึมเศร้า (Depression) อยู่ในภาวะที่โศกเศร้ากับความสูญเสีย

ระยะที่ 5 การยอมรับ (Acceptance) ยอมรับความจริงและใช้ชีวิตต่อไป

วิธีเยียวยาจิตใจ เมื่อสูญเสียคนที่รักหรือคนในครอบครัวแบบกะทันหัน

1. ให้เวลากับความสูญเสีย เคยได้ยินใช่ไหมคะว่าเวลาจะเยียวยาและรักษาจิตใจให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะต้องใช้เวลา บางคนอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน หรือ บางคนอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปี แต่เชื่อเถอะว่ามันจะดีขึ้นในทุกๆ วัน

2. ร้องไห้ออกมาอย่ากักเก็บความรู้สึก ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพยายามเข้มแข็ง ทั้งๆ ที่ใจตัวเองไม่ไหว

3ระบายความรู้สึกให้คนอื่นฟัง

4. ดูแลสุภาพร่างกายตัวเอง กินให้ได้ นอนให้หลับพักผ่อนให้เพียงพอ

5. พยายามดำเนินชีวิตประจำวันให้ปกติที่สุด

6. ลาหยุดสักพักให้สภาพจิตใจดีขึ้น

7.ให้ศาสนาเป็นที่พึ่งทางจิตใจ

8. หาก 2-3 สัปดาห์ไม่ดีขึ้นควรไปพบจิตแพทย์

เราไม่อาจรู้เลยว่าวันสุดท้ายของชีวิตเราและคนที่เรารักจะมาถึงเมื่อไหร่เราจึงต้องใช้เวลากับคนที่เรารัก ดูแลเอาใจใส่เขาให้มากที่สุดในตอนที่เรายังมี “เวลา” เพราะเวลาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ที่ทุกคนมีเท่ากัน และเวลาก็ไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก ไม่ว่าเราจะต้องการเวลาแค่ไหนก็ตาม


Source 

https://www.kwilife.com/blog/detail/change-sadness-to-understanding 

https://www.ekrfoundation.org/5-stages-of-grief/5-stages-grief/ 

Related Articles

The Secret of Lucky People

The Secret of Lucky People: ความลับของการคนโชคดี โชคชะตาที่เราสร้างเอง

“คนที่โชคดี” อาจไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เป็นคนที่มองเห็นโอกาส คิดบวกและลงมือทำ ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีไหมคะ? บางคนอาจจะคิดว่า ใช่ “ฉันเป็นคนโชคดี”หรือบางคนอาจคิดว่า ไม่นะ “ฉันไม่ได้เป็นคนโชคดีสักเท่าไร” ใช่ไหมละคะ   บางคนอาจจะเชื่อว่าความโชคดีเกี่ยวข้องกับดวงหรือโชคชะตาเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีการศึกษาและวิจัยพบว่าคนที่โชคดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเพียงอย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ทัศนคติและการลงมือทำของเราด้วยนะคะ เราจึงเชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างความโชคดี ให้เกิดกับตัวเองได้เช่นกันค่ะ วันนี้ Mental Life

Hydration

เติมน้ำให้พอ = เติมพลังให้ชีวิต เคล็ดลับเล็กๆ ของการดื่มน้ำ ที่ช่วยให้ร่างกายสมดุล

เราควรดื่มน้ำหลังตื่นนอน เพราะจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีสมาธิและมีความจำที่ดีขึ้น ทุกคนตื่นขึ้นมาตอนเช้าเคยดื่มน้ำเปล่ากันไหมคะ? รู้ไหมว่าการดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้าส่งผลดีต่อร่างกายของเรามากเลยนะคะ เพราะการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นระบบไหลเวียนเลือด ระบบย่อยอาหาร ฯลฯ รวมถึงการดื่มน้ำตอนตื่นเช้ายังช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่น สดใส พร้อมที่จะไปทำงาน ไปเรียน หรือ ไปทำกิจวัตรประจำวัน ในทุกๆ เช้าค่ะ ถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีเลยนะคะทุกคนว่าไหม แล้วทุกคนเคยสังเกตกันไหมคะว่า ในบางวันที่เราตื่นขึ้นมาตอนเช้าเราจะรู้สึกเหนื่อยล้าและขาดพลัง

New Year's Resolution

New Year’s Resolution : เพราะเราทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

เราทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ขอเพียงเราตั้งเป้าหมาย ลงมือทำและเชื่อมั่น ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้ สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ปีใหม่แบบนี้เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน ทุกคนว่าไหมค่ะ ไม่ว่าปีที่แล้วทุกคนจะทำสิ่งที่ตัวเองอยากเปลี่ยนแปลงหรือตั้งเป้าหมายไว้ได้สำเร็จหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ  หากพูดถึงการเริ่มต้นใหม่ สำหรับบางคนเป็นสิ่งที่ยาก แต่ทุกคนสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เพียงแค่เราตั้งใจและเชื่อมั่นว่า เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้ เราจะสามารถทำได้ในที่สุด แม้ในปีที่ผ่านมา อาจจะมีบางเรื่องที่เรายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องเรื่องนั้น เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง และเรายังเชื่ออีกว่าการตั้งเป้าหมายคือก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จค่ะ วันนี้