กว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา ว่ากันว่าย่านพระรามเก้าคือตัวแทนของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลับใหล ในเวลากลางวันที่นี่คือย่านธุรกิจอันแสนคึกคักที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวไฟแรงจากบริษัทชั้นนำ ในยามกลางคืนพระรามเก้าขึ้นชื่อในด้านการเป็นแหล่งกิน-ดื่ม-เที่ยว วิถีคนเมืองในย่านนี้อยู่บนพื้นฐานของความเจริญสูงสุดในทุกตารางนิ้ว ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ศูนย์กลางการซื้อขายอุปกรณ์ไอทีแหล่งสำคัญในกรุงเทพฯ โรงพยาบาลชั้นนำ เดินทางสะดวกด้วยขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า MRT เชื่อมโยงย่านพระรามเก้าสู่ย่านอื่นในกรุงเทพฯ อย่างทองหล่อ เอกมัย ลาดพร้าวได้อย่างง่ายดาย จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพื้นที่ในย่านนี้มักถูกจับจองอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
แต่ชีวิตในยุค 2016 นี้ไม่ได้มีเพียงเป้าหมายเพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดเท่านั้น ความรวดเร็วคึกคักที่มาพร้อมกับความผ่อนคลายไร้กังวลคือชีวิตที่มีความหมายอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับพระรามเก้ายุคนี้ที่เต็มไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์สบายๆ ร้านกาแฟหอมกรุ่น รวมถึงพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่พร้อมจะเติมพลังชีวิตให้คุณกลับไปคึกคักอีกครั้งในวันทำงาน
The Hey 53 Coffee & Kitchen
The Hey 53 Coffee & Kitchen คาเฟ่หน้าตาคล้ายคอนเทนเนอร์สีน้ำเงิน โดดเด่นบนถนนพระรามเก้า รายล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวสบายตา ภายในร้านตกแต่งสไตล์ลอฟท์เท่ๆ เหมาะสำหรับแฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อน นั่งทำงานด้วย Free Wi-Fi ในบรรยากาศผ่อนคลาย หรือนั่งจิบกาแฟในโซน Outdoor ใต้ร่มไม้ที่เย็นสบายตลอดทั้งวัน
The Hey 53 Coffee & Kitchen เสิร์ฟเมนูอาหารเช้ามีสไตล์อย่าง Egg Benedict กาแฟซิกเนเจอร์ Hey! Coffee รสกลมกล่อมกำลังดี Cappuccino รสนุ่มนวล บรรยากาศคอนโด เอกมัย ช่วงเย็นและแสงสีภายในร้านยังเหมาะเจาะพอดีสำหรับนั่งชิลล์กับเมนูค็อกเทล เบียร์นำเข้าและไวน์ชั้นเยี่ยมจากประเทศต่างๆ ให้ลิ้มลอง
พิกัด : ปากซอยพระรามเก้า 53 สวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
เวลาเปิด : ทุกวัน 09.30-22.00 น.
โทรศัพท์ : 02-187-2231, 080-274-4736
1 OF A KIND Nordic Vintage Furniture & Cafe
ที่สุดแห่งความวินเทจกับร้านเฟอร์นิเจอร์และคาเฟ่สุดแนว 1 OF A KIND Nordic Vintage Furniture & Cafe ภายในซอยพระรามเก้า 48 ตรงข้าม The Nine เพียงก้าวเข้าไปในร้านก็ได้บรรยากาศคาเฟ่ในยุโรป ด้วยความที่เป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะสนุกกับทุกรายละเอียดการตกแต่งร้านจนอยากกลับไปลงมือตกแต่งบ้านของตัวเอง
ที่นี่เสิร์ฟอาหารอิตาเลียนฟิวชั่นดัดแปลงให้ถูกปากคนไทย แถมยังคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดี เมนูเรียกน้ำย่อย Calamari หรือปลาหมึกทอดที่ไม่ได้ชุบแป้งทอดแบบทั่วไป ให้รสสัมผัสนุ่มหนึบกำลังดี เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมซอสมาโยผสมวาซาบิที่ไม่เหมือนร้านไหน ส่วนอาหารจานหลัก ซิกเนเจอร์ของที่นี่คือคือสปาเกตตี้ต้มยำกุ้ง จุดเด่นอยู่ที่กุ้งแม่น้ำตัวโตที่สดเด้งขลุกขลิกกับครีมซอสต้มยำน้ำข้นที่ทั้งเปรี้ยวจัดจ้านกำลังดี เมนูพาสต้าอื่นๆ ของที่นี่สามารถเพิ่มเนื้อสัตว์ได้ตามใจชอบ
ในส่วนของเครื่องดื่ม ที่นี่สร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ทั้งเมนูร้อน เย็น ปั่น เช่น Pink Lady น้ำปั่นที่มีส่วนผสมของแอปเปิ้ล เลม่อน และรสจัดจ้านของขิงช่วยให้สดชื่น คลายร้อนจากอากาศอบอ้าวในยามบ่ายได้อย่างดี นอกจากนี้ไวน์และคราฟท์เบียร์ยี่ห้อต่างๆ ที่นักดื่มไม่ควรพลาด
ชั้น 2 ของร้านเป็นโกดังเฟอร์นิเจอร์วินเทจอิมพอร์ตจากหลากหลายประเทศ แต่ละชิ้นดีไซน์แปลกตา มีเอกลักษณ์ โดยทุกชิ้นจะมีป้ายบอกเรื่องราวของสินค้าแต่ละชิ้นว่าเดินทางมาจากที่ไหน ออกแบบโดยดีไซเนอร์คนใด ผลิตในปีใด ที่นี่จึงไม่ใช่แค่ขายเฟอร์นิเจอร์ แต่คือชุมชนของคนรักงานวินเทจอย่างแท้จริง
พิกัด : 4 พระราม 9 ซอย 48 เสรี 8 สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
เวลาเปิด : 10:00 – 20:00 น. (หยุดทุกวันพุธ)
โทรศัพท์ : 02-718-3260
1920 Bar & Restaurant
ร้านอาหารค่ำสไตล์วินเทจบนถนนพระรามเก้าที่จะพาคุณย้อนไปสัมผัสความคลาสสิคของยุค 1920s ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา โดยเฉพาะเมนูยอดฮิตของทางร้านคือกุ้งก้ามกรามเผาที่ขึ้นชื่อว่าสดจนสัมผัสความเด้งของเนื้อได้ ปูม้านึ่งตัวโตเนื้อแน่น และหอยนางรมสุราษฎร์ที่ทั้งสดและตัวใหญ่ถูกใจคนรักอาหารทะเล สามารถเลือกทานได้ทั้งแบบุฟเฟต์และ A la carte เพื่อความสดใหม่ของอาหารทะเล ทางร้านจะกักตุนวัตถุดิบเท่าที่จำเป็น หากต้องการรับประทานอาหารทะเลแบบจัดเต็มแนะนำให้โทรศัพท์จองกับทางร้านล่วงหน้า
นอกจากอาหารทะเลสด ที่นี่มีเมนูอาหารไทย อาหารนานาชาติ และอาหารฟิวชั่นรสชาติลงตัว เช่น เนื้อริบอายย่าง หรือเนื้อหมูคุโรบูตะย่าง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วสูตรเฉพาะของร้าน ปลาแซลมอนแซ่บ ในส่วนของเครื่องดื่ม เบียร์นำเข้าและค็อกเทลรสละมุน 1920 Bar & Restaurant เหมาะสำหรับช่วงเวลาค่ำของทุกคนในครอบครัว หรือจะชวนเพื่อนมานั่งชิลล์ฟังดนตรีสดด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์
พิกัด : ปากซอยพระรามเก้า 41 สวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
เวลาเปิด : วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 10.00-1.00 น./ วันอาทิตย์ 11.00-21.00 น.
โทรศัพท์ : 099-919-8400
จากย่านพระรามเก้าที่สามารถเข้าสู่ย่านเอกมัย-ทองหล่อได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้เป็นเรื่องง่ายที่จะไปยังพื้นที่แห่งการพักผ่อนและการสร้างสรรค์อย่าง คอนโด เอกมัย Co-working space เพื่อต่อยอดให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ
Ma:D Club For Better Society
ในยุคที่ใครก็อยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสังคม Social Enterprise หรือธุรกิจเพื่อสังคมกลายเป็นธุรกิจในฝันของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก กลุ่มคนก่อการดีในเมืองไทยจึงรวมตัวกันสร้างคอมมูนิตี้ที่มีชื่อว่า ‘Ma:D Club For Change (มาดี)’ บ้านหลังเล็กในเอกมัยซอย 4 ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของแมกไม้คือ Co-working Space ของคนธรรมดาที่ใส่ใจสังคม มีห้องประชุมไว้คอยให้บริการในราคามิตรภาพ เสน่ห์ของมาดีคือกลุ่มเพื่อนหลายสาขาอาชีพที่พร้อมอ้าแขนรับเพื่อนใหม่ นอกจากนี้ชาวมาดียังเป็นนักกิจกรรมตัวยง ไม่ว่าจะเล่นบอร์ดเกมส์ ปั่นจักรยาน หรืออ่านหนังสือ แถมยังมีอีเวนท์เชิงสังคมเกิดขึ้นทุกเดือนในบรรยากาศเป็นกันเองที่จะช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจในตัวคุณให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง
หากคุณมีไอเดียเปลี่ยนโลก อย่าเก็บไว้คนเดียว เพราะที่นี่พร้อมเป็นเพื่อนปลุกปั้นโปรเจคของคุณให้เป็นจริงไปด้วยกัน ส่วนใครกำลังมองหาสเปซสำหรับเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ที่นี่มีออฟฟิศให้เช่าในราคาเป็นกันเอง
พิกัด : สุขุมวิท 63 ซอยเอกมัย 4 กรุงเทพฯ 10110 (ตรงเข้าไปในซอย ถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา)
เวลาเปิด : เปิดทุกวัน 9.00 – 19.00 น.
เว็บไซต์ : www.madeehub.com
โทรศัพท์ : 094-661-6046
HUBBA Thailand
บ้านหลังสีขาวเรียบง่าย รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว เป็นแลนด์มาร์กของเอกมัยซอย 4 ที่นี่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็น Co-working Space ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ย่างแท้จริง ด้วยบรรยากาศฮิปๆ แมกไม้และแสงธรรมชาติให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย โต๊ะทำงาน ห้องประชุม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อให้คุณทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด จุดเด่นของที่นี่คือมีพื้นที่ใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบีนแบ็คนุ่มๆ สำหรับเอนหลัง ห้องสไกป์เพื่อความเป็นส่วนตัวของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวนไว้สูดอากาศดีๆ พักสายตาจากหน้าคอม หรือจะยืดเส้นยืดสายกระโดดแทรมโปลีน
นอกจากความสะดวกสบาย Hubba เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมงานหน้าใหม่ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาซอฟแวร์ ดีไซเนอร์ และเป็นแหล่งบ่มเพาะ ธุรกิจ Start-up อีกหลายรายที่พร้อมแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ซึ่ง Hubba ตั้งใจสร้างบรรยากาศภายใน Co-working Space ให้เหมาะสมกับการสร้างความสัมพันธ์ของเหล่าสมาชิกภายใต้ Motto “You’ll never work alone.”
นอกจากที่นี่ยังมีเรือนกระจกในสวนสำหรับจัดเวิร์คช็อปเสริมทักษะทางธุรกิจในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยมีส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก Hubba Thailand
พิกัด :19 ซอยเอกมัย 4 สุขุมวิท 63 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
(ตรงเข้าซอยไป อยู่ตรงสี่แยก)
เว็บไซต์ : www.hubbathailand.com
โทรศัพท์ : 02-714-3388
ร้านไล-บรา-รี่ (Library)
คาเฟ่ในบ้านหลังน้อยสีขาวสะอาดตาซ่อนตัวอยู่ในรั้วแมกไม้ ไล-บรา-รี่ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่น่ารักที่หนุ่มสาวชาวฮิปในกรุงเทพฯ โปรดปราน ด้วยบรรยากาศเสมือนห้องสมุดของคนรักกาแฟ ตกแต่งภายในอย่างเรียบง่ายมีสไตล์ พื้นที่ในสวนร่มรื่นเย็นสบาย เหมาะสำหรับนัดชิทแชทเบาๆ กับกลุ่มเพื่อน มีฟรี Wi-Fi และบรรยากาศผ่อนคลายสำหรับนั่งทำงาน หรือจะดื่มชาพร้อมนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดในวันหยุด
นอกจากความชิคและชิลล์ของร้านแล้ว ไล-บรา-รี่ ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย ที่นี่เสิร์ฟทั้งเมนูอาหารจานหลัก เบเกอรี่และเครื่องดื่มรสชาติถูกปากทุกคนในครอบครัว เมนูเด่นของร้านคือ ไล-บรา-รี่ วาฟเฟิล กลิ่นใบเตยหอมหวาน กรอบนอกนุ่มใน และอีกเมนูหนึ่งคือ ลาวาช็อคโกแลตหยาดเยิ้มเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา
พิกัด : 70 ซอยพระรามเก้า 41 สวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
เวลาเปิด : ทุกวัน 10.00-21.00 น.
หรือหากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ ขยับออกนอกเมืองไปอีกนิด ก็ยังมีถนนพัฒนาการที่รองรับเกือบทุกรูปแบบการใช้ชีวิต จะคนโสดหรือครอบครัว ก็สามารถใช้ประโยชน์จากย่านนี้เป็นส่วนเสริมในวันที่ไม่ต้องการเข้าเมืองได้อย่างสบายๆ
London Street
ใครขับรถผ่านในย่านพัฒนาการคงต้องเคยสะดุดตากับหอนาฬิกาบิ๊กเบนสีสันสดใส ที่นี่คือ London Street คอมมูนิตี้ฟู้ดมอลล์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งบนถนนพัฒนาการที่จำลองบรรยากาศจากถนนกลางมหานครลอนดอน สะท้อนไลฟ์สไตล์แบบลอนดอนเนอร์ผ่านการตกแต่งภายในแบบลอนดอนชิค ไม่ว่าจะเป็น London Bus สีแดงสุดคลาสสิค การจัดสวนสไตล์อังกฤษ และชั้นจอดรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Underground หรือสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงลอนดอน London Street คัดสรรร้านอาหารนานาชาติ 5 ร้านดังมารวมไว้ที่นี่ ได้แก่ MK Restaurant, Yayoi, Le Siam, Miyazaki Teppanyaki และ Le Petit ซึ่งทุกร้านบรรจงตกแต่งตามบรรยากาศร้านอาหารในกรุงลอนดอน พร้อมทั้งบรรจงเลือกวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อสร้างประสบการณ์ความอร่อยในบรรยากาศแปลกใหม่เหนือระดับ
ตัวอย่างร้านอาหารเด็ด Le Petit ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่ผสมผสานวัฒนธรรมอาหารแบบชาววิคตอเรียนเข้ากับอาหารสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว บรรยากาศร้านสบายๆ ตามแบบฉบับคาเฟ่กลางแจ้งในกรุงลอนดอน ไฮไลท์ของที่นี่คือ High Tea และขนมสุดหรูหราเช่นเดียวกับการดื่มชายามบ่ายของชาวลอนดอน
London Street เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของทุกคนในครอบครัว แถมยังเต็มไปด้วยมุมถ่ายภาพที่น่าประทับใจ พร้อมกับบริการคอสตูมแปลงกายเป็นทหารลอนดอนในชุดกำมะหยี่สีแดงอีกด้วย
พิกัด : 2259 ถนนพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 (ติด Tesco Lotus สาขาพัฒนาการ)
โทรศัพท์ : 02-003-4487 Fax. 02-003-4481
เว็บไซต์ : www.londonstreetpattanakarn.com
The Nine
หากเอ่ยถึงถนนพระรามเก้า The Nine คือสถานที่แรกๆ ที่ใครก็ต้องนึกถึง ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้คือแลนด์มาร์กที่แท้จริงบนถนนสายนี้ เพราะที่นี่คือจุดพบปะสังสรรค์ของผู้คนในย่านนี้ ด้วยบรรยากาศกึ่ง Outdoor เสมือนสวนพฤกษศาสตร์สีเขียวชะอุ่ม เปิดโล่งสบาย และถูกออกแบบให้คล้ายกับหมู่บ้าน แบ่งออกเป็น 3 โซนได้แก่ The Market Village, The West Village และ The East Village มีร้านอาหารและบาร์ชื่อดัง ธนาคาร และแหล่งช้อปปิ้งหลากหลายกว่า 100 ร้าน นอกจากนี้ที่นี่ยังมี Nine Square ลานอีเวนท์สำหรับจัดกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว
ความโดดเด่นของ The Nine ที่แตกต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์อื่นๆ คือที่นี่มีร้านนั่งชิลล์สำหรับเหล่านักดื่ม เช่น Est. 33 จิบเบียร์คละเคล้าไปกับจังหวะของดนตรีสด และ Club 99 ร้านอาหารกึ่งผับแหล่งไวน์ชั้นเยี่ยมอีกแห่งบนถนนพระรามเก้า ส่วนใครอยากใช้ชีวิตยามค่ำคืนแบบช้าๆ นั่งคุยเล่นแบบไม่เร่งรีบ แมคโนนัลด์สาขา The Nine เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย เรียกได้ว่าที่นี่ที่เดียวครบทุกรสชาติตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว
พิกัด : 999 ถนนพระรามเก้า สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
โทรศัพท์ : 02-620-9000
เว็บไซต์ : www.thenine.co.th
ชีวิตในย่านพระรามเก้าไม่เคยหยุดนิ่ง ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่สำหรับวันสบายๆ ไม่เร่งรีบ ผ่อนคลายด้วยกลิ่นกาแฟหอมและหนังสือดีๆ สักเล่ม รับประทานอาหารรสชาติแปลกใหม่ และซ่อนตัวจากความวุ่นวาย แอบอิงร่มเงาไม้ตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับ เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9: Garden of Creation คอนโดมิเนียมใจกลางความเจริญของพระรามเก้า ที่มาพร้อมกับ Garden of Creation พื้นที่สีเขียวที่แทรกอยู่ในทุกองค์ประกอบให้ชีวิตกลับสู่จุดสมดุล แค่เพียงพักผ่อนอยู่บ้านใจกลางเมืองก็สามารถรับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติก่อนจะตื่นตัวเต็มที่กับวันธรรมดาอันแสนท้าทายอีกครั้งหนึ่ง
เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9: Garden of Creation
พรีเซลพร้อมกัน 3 ประเทศ จีน สิงคโปร์ และไทย 10-11 กันยายนนี้