เส้นทางชีวิต "น้องทอง"
ที่เกือบหลุดการศึกษา ไปเป็นแรงงาน

“ครูครับ ผมอยากเรียนต่อ ช่วยผมด้วย” ประโยคที่ไม่ว่าใครฟังก็ต้องเศร้าใจ เมื่อได้ยินจากปากของเด็กคนหนึ่ง

โครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน‘ แสนสิริเราได้ร่วมเงินสนับสนุนแก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ) เพื่อดำเนินการนำเด็กที่มีความเสี่ยงหรือหลุดจากระบบการศึกษากลับเข้าโรงเรียน…

เป็นช่วงที่ทีมงานเริ่มลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจปัญหาและช่วยเหลือเด็กที่ถูกระบุจากทางหน่วยงานแล้วว่า มีความเสี่ยงที่จะหลุดจากระบบการศึกษาในเร็ววัน ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งแรกเราได้รับทราบเรื่องราวจากเด็กจากหลายครอบครัว และหนึ่งในนั้นมี “น้องทอง” เด็กชายวัยกำลังอยู่บนเส้นทางแยกของชีวิต โดยที่ตัวน้องก็เกือบจะไปหลุดไปในอีกเส้นทางที่ไม่ควรจะเป็น

อุบัติเหตุ ครอบครัว สุรา : ใช้ชีวิตในแต่ละวันยังยาก โอกาสการเรียนแทบมองไม่เห็น

เส้นทางชีวิต น้องทอง zero dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน sansiri แสนสิริ

‘น้องทอง’ หนุ่มน้อยที่มีปัญหาเรื่องข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ แม้จะเกิดในประเทศไทย แต่เนื่องจากคุณพ่อเป็นชาวเมียนมาร์ ขณะที่แม่เป็นชาวชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ชีวิตในวัยเด็ก ทองเคยประสบอุบัติเหตุจากการนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ไปพร้อมกับคุณพ่อ จนศรีษะกระแทก ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น  และแม่ก็มีสามีและลูกใหม่

แม่ทำอาชีพรับจ้างในไซต์งานก่อสร้างหารายได้คนเดียว เป็นค่าแรงขั้นต่ำ และมีปัญหาด้านพฤติกรรมคือดื่มเหล้าเป็นประจำ โดยมากทองจึงได้รับการดูแลเพียงลำพังจากยายวัยชรา หรือบางช่วงทองก็ต้องไปอยู่ที่บ้านน้า ซึ่งพอช่วยเหลืออุปการะได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเหตุนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้ชีวิตของน้องทอง เป็นเสมือนกับอย่าว่าแต่โอกาสที่จะได้เรียนต่อเลย แค่การใช้ชีวิตในแต่ละวันยังเป็นเรื่องยาก

บกพร่องทางการเรียน แต่ไม่บกพร่องในความคิด : ชอบไปโรงเรียน ได้เจอเพื่อน ช่วยงานคุณครู

เส้นทางชีวิต น้องทอง zero dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน sansiri แสนสิริ

จากอุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้สมองของน้องทองได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งมีผลต่อการเรียนโดยตรง นอกจากจะทำให้น้องทองต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ แล้ว ก็มีผลให้การเรียนรู้ค่อนข้างช้ากว่าเพื่อนๆ

อย่างไรก็ตามแม้จะบกพร่องทางการศึกษา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทองไม่อยากไปโรงเรียนเลย ตรงกันข้ามน้องทองกลับเป็นเด็กที่ชอบการไปโรงเรียนมาก โดยทุกเช้าน้องจะไปช่วยคุณครูกวาดถนน จัดโต๊ะ ทำความสะอาดห้องเรียนก่อนเสมอ น้องทองบอกกับเราว่า เค้าชอบไปโรงเรียน เพราะได้เจอเพื่อนๆ เจอคุณครู มีอาหารให้ทานไม่ต้องทนหิว และที่สำคัญคือเค้าชอบที่จะได้เรียนหนังสือ แม้จะเข้าใจยากในบางครั้งก็ตามที

ตัดสินใจครั้งใหญ่ ในวัยเพียงสิบกว่า : อนาคตของเขาต้องไปต่อ

เส้นทางชีวิต น้องทอง zero dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน sansiri แสนสิริ

เมื่อใกล้จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 น้องทอง โดยบอกเล่าความตั้งใจให้ครูประจำชั้นฟังบ่อยๆ ว่าเขาต้องการเรียนต่อชั้นมัธยมต้น แต่ยังไม่เห็นหนทางไปต่อ จนในช่วงก่อนจบชั้น ป.6 ทองได้ตัดสินใจเข้าหาผู้อำนวยการโรงเรียนสินแร่ เพื่อแจ้งเจตจำนงว่าต้องการความช่วยเหลือเรื่องเรียนต่อ เพราะเขากังวลว่าแม่จะส่งเสียไม่ไหว ประกอบกับเรื่องที่ตนเองมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ จึงไม่แน่ใจว่าหากเรียนจบแล้ว เขาจะไปต่อในด้านการศึกษาต่อไปได้อย่างไร…

รับโอกาสสำคัญของชีวิต Zero Dropout ส่งให้ได้เรียนต่อ

เส้นทางชีวิต น้องทอง zero dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน sansiri แสนสิริ

จากการเข้ามาของโครงการ Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ที่แสนสิริร่วมกับมือกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน และได้เริ่มต้นโครงการครั้งแรกที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี จึงเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่เป็นโอกาสได้ช่วยเหลือและสนับสนุนทุนการศึกษาแก่น้องทองให้ได้ศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมได้

โดยทีมงานได้ประสานไปยังโรงเรียนรุจิรพัฒน์ ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ และเป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่มีการจัดการศึกษาพิเศษ พร้อมรองรับเด็กในกลุ่มการเรียนรู้บกพร่อง โดยหลักสูตรของโรงเรียนมุ่งเน้นด้านคุณธรรมจริยธรรม หลักสูตรฝึกอาชีพ เช่น เลี้ยงไก่ไข่ ปลูกพืชผักสวนครัว งานฝีมือ เพื่อให้น้องทองสามารถเรียนรู้ทั้งวิชาการและวิชาชีพติดตัวในอนาคตได้

ไม่ใช่แค่เรียนตำรา แต่ได้ฝึกวิชา การใช้ชีวิตในภายภาคหน้า

เส้นทางชีวิต น้องทอง zero dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน sansiri แสนสิริ

ด้วยอุปสรรคเรื่องค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การดูแลจากครอบครัว รวมถึงเรื่องการเรียนรู้ที่ล่าช้า ถ้าหากเข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไป อาจเป็นไปได้ว่าน้องอาจจะมีปัญหาด้านการเรียนจนต้องออกกลางคัน

แต่ที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ทองจะได้รับการดูแลในลักษณะที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนเดิม คือเป็นหลักสูตรที่เอื้อต่อเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ มีครูที่มีประสบการณ์ดูแล และการเรียนที่ไม่หนักไปในด้านวิชาการจนน้องตามไม่ทัน ซึ่งจะช่วยประคับประคองให้น้องเรียนจนจบชั้น ม.3 ได้ ทั้งในระหว่างนั้นยังได้ค้นหาความถนัดของตนเอง หรือได้ฝึกฝนเรียนรู้ทักษะอาชีพที่จะนำไปใช้เลี้ยงตัวในอนาคตได้

นอกจากนี้ การพักนอนประจำที่โรงเรียน จะช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องเด็กไม่มีผู้ดูแลที่เหมาะสม ประหยัดค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง แล้วยังได้ฝึกฝนความรับผิดชอบต่าง ๆ ทักษะสังคม การดูแลแปลงเกษตรในโรงเรียน และฝึกทักษะอื่น ๆ เช่นศิลปะ งานฝีมือ ที่มีครูคอยสนับสนุนให้เด็กค้นพบทางเลือก ความสนใจ และความถนัดที่หลากหลายยิ่งขึ้น

เปิดเทอมครั้งใหม่ : อย่าให้เปลี่ยนจากนั่งห้องเรียน เป็นยืนใช้แรงงาน

โอกาสที่มากกว่าในอนาคต… เพราะเมื่อหลังจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว หากน้องทองยังต้องสร้างโอกาสทางศึกษาของตัวเองต่อ ที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ได้มีการร่วมมือกับสถาบันอาชีวศึกษาในพื้นที่ ในการเข้ามาสนับสนุนเด็กๆ ที่มีความสามารถ มีความตั้งใจ แต่ขาดโอกาส ให้ได้เข้าเรียนต่อในระดับ ปวช. พร้อมส่งเสริมให้ไปได้สุดทางตามความสนใจและความตั้งใจ เพื่อให้เด็กที่อาจไม่ถนัดด้านวิชาการ มีโอกาสศึกษาต่อหรือค้นพบอาชีพที่จะใช้เลี้ยงตัวได้อย่างยั่งยืน…

นี่เป็นเพียง 1 ในตัวอย่างของเด็กเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เสี่ยงหลุดการศึกษาและกลับมาโรงเรียนได้อีกครั้ง ประเทศไทยยังมีเด็กอีกเกือบนับล้านชีวิตที่ยังคงเสี่ยงหลุดออกจากระบบ หลุดออกจากการมีอนาคตที่ดี

ช่วยกัน อย่าให้การเปิดเทอมครั้งต่อไป ต้องเปลี่ยนจากนั่งในห้องเรียน กลายเป็นยืนใช้แรงงาน เพราะพวกเขาคืออนาคตของพวกเรา

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ คลิก Blog.sansiri.com/zero-dropout-main

Related Articles

แสนสิริ กับ 18 ปี แห่งการสร้างรากฐานที่ยั่งยืน เพื่ออนาคตของเด็กทุกคน

SansiriSocialChange ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แสนสิริไม่ได้เพียงแค่สร้างบ้าน แต่เรายังมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานสังคมอย่างยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการต่างๆ ร่วมกับพันธมิตร พร้อมส่งต่อโอกาสในด้านต่างๆ ทั้งสุขภาพ การศึกษา กีฬา และคุณภาพชีวิต เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างอนาคตที่ดีให้กับ “เด็กทุกคน”  กว่า 18 ปีที่ผ่านมา แสนสิริ ยืนหยัดและผลักดันในประเด็นของสิทธิเด็ก การยุติการใช้ความรุนแรง และการใช้แรงงานเด็ก

“แสนสิริ” เดินหน้า ZERO DROPOUT ชูโมเดลการศึกษา 1 โรงเรียน  3 รูปแบบ “เด็กทุกคนต้องได้เรียน” พัฒนาทุนมนุษย์เคลื่อนเศรษฐกิจ

“แสนสิริหวังว่าโครงการ ZERO DROPOUT เด็กทุกคนต้องได้เรียน นำร่องที่จังหวัดราชบุรี จะจุดประกายให้เห็นกลไกการเปลี่ยนแปลงการศึกษา ขยายผลนำไปใช้ทั่วประเทศ” เพราะทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจ ดังนั้นการสร้าง “ความเสมอภาคทางการศึกษา” ทำให้เด็กไม่หลุดจากระบบการศึกษา เติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและเข้ามามีส่วนร่วม โดยบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แถวหน้าของไทย ได้ผลักดันสร้างความเสมอภาคทางการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง

ZERO DROPOUT เด็กทุกคนต้องได้เรียน

ZERO DROPOUT เพราะการศึกษาที่มีคุณภาพ คือสะพานสู่ความฝัน

ปัจจุบัน จังหวัดราชบุรีมีนักเรียนระดับการศึกษาภาคบังคับจำนวน 127,266 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนยากจนพิเศษ อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคนต่อเดือน 3,258 คน คิดเป็น 2.56 % สาเหตุดังกล่าวทำให้ครอบครัวไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องในการไปโรงเรียนได้ จึงทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา คือมีเด็กที่หลุดระบบการศึกษาและเสี่ยงหลุดระบบการศึกษาเกิดขึ้น โจทย์ดังกล่าวทำให้แสนสิริ องค์กรในภาคเอกชนที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมเด็กและเยาวชน ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา